บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)คาดว่า กำไรสุทธิปี 50 จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.73 หมื่นล้านบาท และรายได้จะต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ 70,000 ล้านบาท ราว 2% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทปิดซ่อมบำรุงโรงงานถึง 45 วัน และปริมาณการขายลดลงประมาณ 5%
"กำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน รายได้ปีนี้ก็จะต่ำกว่าปีที่แล้ว เป็นเพราะปิดซ่อมนาน 45 วัน คือธุรกิจเราถือว่าเป็นธุรกิจระยะปานกลางถึงระยะยาว ราคาขายปรับขึ้นตามราคาตลาด เราไม่ได้ปรับราคาขึ้น แต่ราคาน้ำมันก็สูงขึ้นกระทบต้นทุนเรา"นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTCH กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นมามาก จึงช่วยทำให้รายได้ยังคงไม่ลดลงมาก แต่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาแนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบของโอเลฟินปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยขณะนี้ราคาอยู่ที่ 600-700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จึงทำให้เสปรดของผลิตภัณฑ์ยังคงใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่ระดับ 500-600 เหรียญสหรัฐ/ตัน
แต่ปี 51 บริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานโอลิโอเคมี ที่จะทำรายได้ประมาณ 8,000 - 10,000 ล้านบาท/ปี และบริษัทอาจจะทบทวนแผนปิดซ่อมโรงงานในช่วงไตรมาส 4/51 โดยจะพิจารณาว่าราคาผลิตภัณฑ์จะยังคงสูงต่อเนื่องจากปีนี้หรือไม่ และสภาพเครื่องจักรยังคงเดินเครื่องผลิตในช่วงดังกล่าวได้หรือไม่
ส่วนโครงการ EVA/Autoclave LDPE ที่บริษัทได้ชะลอแผนการลงทุนออกไปในช่วงก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่มีกำหนดว่าจะลงทุนได้เมื่อใด เนื่องจากมูลค่าโครงการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 210 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่คาดไว้แค่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ จากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งผู้รับเหมายังมีงานในมืออยู่มาก โดยเฉพาะงานในแถบตะวันออกกลาง
นายอดิเทพ กล่าวว่า ในปลายปี 52 PTTCH จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30% จากปัจจุบันที่กำลังการผลิตโอเลฟินส์รวม 1.7 ล้านตันต่อปี ฉะนั้น ก็จะส่งผลให้รายได้ในปี 53 โตแบบก้าวกระโดด
โดยจะมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ของโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 ล้านตัน รวมกับโครงการ Debottleneck 2 ที่จะเพิ่มกำลังผลิตได้อีก 2 แสนตัน ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์รวมประมาณ 3 ล้านตัน นอกจากนี้ ยังมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก LDPE, LL และ HDPE ราว 9.5 แสนตันต่อปี
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--