(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกราคาน้ำมันพุ่ง ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 16.74 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 13, 2007 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบที่ปิดพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม กระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ได้ดึงดูดแรงซื้อเข้าตลาดบ้างประปราย และช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ไม่ไห้ปิดลดลงมากนัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อ่อนลง 16.74 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 13,291.65 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 0.07 จุด ปิดที่ 1,471.56 และ ดัชนี Nasdaq รูดลง 5.40 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 2,592.07 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 9 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.92 พันล้านหุ้น
นายจอห์น เมอร์ริลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแทงเกลวู้ด แคปิตอล เมเนจเมนท์ในเมืองฮุสตัน กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันอังคารที่ 18 ก.ย.นี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงลงหนักสุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ก็อาจไม่มากพอที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังย่ำแย่อยู่ในขณะนี้ได้"
"ตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดเหนือระดับ 79 ดอลลาร์ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินสำรองทรุดตัวลง ซึ่งราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นร้อนแรงเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐ และอาจทำให้เฟดวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อจนตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมก่อน" นายเมอร์ริลล์กล่าว
ขณะที่นายแจ็ค อัลบิน นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์กล่าวว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบนั้น ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันโดยตรง เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร"
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น ขณะที่การอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ถือเป็นประโยชน์ต่อบริษัทหลายแห่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการดึงเม็ดเงินรายได้จากต่างประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ