นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กล่าวว่า ในปี 64 บริษัทมีแผนการลงทุนเครื่องจักรแผ่นรองพื้นในคอกของปศุสัตว์ที่ได้พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ประมาณ 240 ล้านบาท โดยจะติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/64 และเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 ทำให้ปี 64 จะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามาเสริม ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นทุนในระดับสูง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจดสิทธิบัตรด้านรูปลักษณ์ ส่วนในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และมีความต้องการจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 64 เพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท จากความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยหนุนหลายด้าน ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะทำได้ราว 410,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 465,000 ตัน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยจะสูงกว่าปี 63 ค่อนข้างมากเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ด้านสัดส่วนของยอดขายบริษัทยังวางนโยบายจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 50:50 ซึ่งมองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่ แต่ปริมาณของผู้ส่งออกยางธรรมชาติในประเทศไทยมีปริมาณลดลง
ส่วนผลประกอบการในปี 63 บริษัทคาดว่ารายได้จะสามารถโตตามเป้าที่วางไว้ที่ 17,000 ล้านบาท จากโรงงานผลิตเดิมและโรงงานแห่งใหม่ สามารถผลิตได้เป็นไปตามแผน อีกทั้งยังมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ในประเทศเพิ่มขึ้น จนทำให้ปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทเกือบเต็ม 100 % แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีจากการป้องกันความเสี่ยงของราคายางที่ผันผวนด้วยวิธี matching order โดยเมื่อมีคำสั่งซื้อจะสต็อกยางไว้ส่งมอบด้วยราคาที่ตกลงกันในเวลานั้น ไม่ได้เป็นการรับคำสั่งซื้อมาก่อนแล้วค่อยหาสินค้ามาส่งมอบภายหลัง