(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 14.47 จุดแต่นลท.ยังกังวลเรื่องดบ.

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางคนทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 14.47 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 13,127.85 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.85 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,451.70 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 6.59 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 2,559.11 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.34 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.82 พันล้านหุ้น 
          แม้ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดในแดนบวก แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กแสดงความวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อนางเจเน็ท เยลเลน ผู้ว่าการเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า "แม้วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดซับไพรม์จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่เฟดก็ไม่ควรใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยมาเป็นเครื่องมือปกป้องการขาดทุนของนักลงทุน"
          ขณะที่นายริชาร์ด ฟิสเชอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฝ่าฟันอุปสรรคในปัจจุบันไปได้" และนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ผู้ว่าการเฟดสาขาแอ็ตแลนตา กล่าวว่า "นักลงทุนควรตระหนักว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และยอดค้าปลีกของสหรัฐยังสดใส ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ชะลอตัวลงมากเหมือนกับที่หลายฝ่ายเข้าใจ"
          "การแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับผู้ว่าการของเฟดทั้ง 3 คนทำให้นักลงทุนบางกลุ่มตื่นตระหนก ทั้งนี้ หากเฟดไม่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างแน่นอน และจะทำให้วอลุ่มการซื้อขายชะลอตัวลงอย่างรุนแรงด้วย ผมมองว่าสถานการณ์ในตลาดเวลานี้ นักลงทุนต้องการรอดูท่าทีที่ชัดเจนของเฟดก่อนที่จะตัดสินใจเข้าทำโพสิชั่น" นายสก็อตต์ ฟูลแมน นักวิเคราะห์จากบริษัทไอเอ อิงแลนเดอร์ แอนด์ โค กล่าว
          ในช่วงเช้านั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งชั่วขณะหนึ่ง หลังจากพลเอกเดวิด เปทรอส ผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของสหรัฐได้แถลงต่อสภาคองเกรสว่า เขาได้แนะนำประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ให้เริ่มถอนทหารออกจากอิรักในเดือนนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานดัชนีดาวโจนส์ได้ถอยร่นลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นก่อนที่การประชุมโอเปคจะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 11 ก.ย.
          หุ้นคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียลปิดร่วงลง 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานถึง 12,000 อัตรา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ปรับลดไปแล้วก่อนหน้านี้ถึง 20% เนื่องจากบริษัทขาดทุนอย่างหนักในตลาดซับไพรม์
          อย่างไรก็ตาม หุ้นแบร์สเติร์นส ดีดขึ้น 2% หลังจากนายโยเซฟ เลวิส มหาเศรษฐีชาวอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่กว่า 170 แห่ง ได้เข้าซื้อหุ้น 7% ในแบร์สเติร์นส
          ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเอเอ็มดีพุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวไมโครโพรเซสเซอร์รุ่นใหม่ และหุ้นแอ็ปเปิ้ลพุ่งขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขาย iPhone จำนวน 1 ล้านเครื่อง