โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เล็งยอดขายปี 64 โตราว 5% จากปีนี้ที่คาดว่ายอดขายจะทำได้กว่า 9 หมื่นล้านบาท รับแรงหนุนจากความนิยมในบริการเดลิเวอรี่อาหารท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารมีความต้องการสูงขึ้นมาก อีกทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ชที่เติบโตขึ้นในอาเซียนเป็นอีกแรงหนุนที่ทำให้ธุรกิจกล่องบรรจุภัณฑ์เติบโตขึ้นได้ดีด้วย
ล่าสุดที่บริษัทเข้าซื้อ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจกล่องบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม ถือเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในปี 64 อีกทั้งยังช่วยบริษัทขยายตลาดในเวียดนามได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของยอดขาย และขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้เพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างมากในปี 64
ขณะที่บริษัทยังมีโอกาสลงทุนขยายธุรกิจได้เพิ่มเติมจากเงินที่ได้จากการเสนอ IPO
ราคาหุ้น SCGP ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 42.00 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.75%) ขณะที่ SET +0.62%
บัวหลวง ซื้อ 48 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 48 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 48 ทิสโก้ ซื้อ 47 เอเซีย พลัส ซื้อ 45 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 44
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากการเติบโตของธุรกิจอาหารที่มีการเติบโตอย่างมาก จากความนิยมบริการเดลิเวอรี่โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เกิดขึ้น ทำให้บริการสั่งอาหารมาทานที่บ้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จากผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ เพิ่มขึ้น
ขณะที่การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ชในภูมิภาคอาเซียนเห็นการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งเป็นประเทศหลักที่บริษัทมีจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ทำให้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในการห่อสินค้าขนส่งมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับธุรกิจของบริษัท ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตของยอดขายของบริษัทในปี 64 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 5% มาอยู่ที่ 9.9 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 9.4 หมื่นล้านบาท
ด้านนายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากมุมมองปัจจัยหนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น จากการหันมาใช้บริการขนส่งสินค้าและอาหารเครื่องดื่มต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลบวกต่อการเติบโตของยอดขายในระยะต่อไป โดยที่ในด้านของยอดขายในปี 64 มองว่าจะเติบโตได้ราว 5% จากปีนี้ที่คาดว่าบริษัทจะปิดยอดขายได้กว่า 9 หมื่นล้านบาท
การเติบโตของ SCGP ในอนาคตจะยังมาจากการเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจ หลังจากนำเงินที่ได้จากการขาย IPO มาใช้ขยายธุรกิจไปในภูมิภาคทั้งการซื้อกิจการ การร่วมทุนกับพันธมิตร และการเข้าไปลงทุนในโครงการที่มีอยู่แล้ว ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพของบริษัทในอนาคต และล่าสุดที่บริษัทเข้าซื้อ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจกล่องบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม ถือเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในปี 64 อีกทั้งยังช่วยบริษัทขยายตลาดในเวียดนามได้อีกด้วย
สำหรับนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดการณ์ยอดขายปี 64 จะเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่องจากปีนี้ได้ 5% หลังจากที่บริษัทเข้าซื้อกิจการกล่องบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายตลาดในเวียดนามค่อนข้างมาก เนื่องจากธุรกิจกล่องบรรจุภัณฑ์ที่บริษัทเข้าซื้อนั้นเป็นผู้นำตลาดในเวียดนาม อีกทั้งความต้องการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ในเวียดนามยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ชและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอานิสงส์จากตลาดการให้บริการเดลิเวอร์รี่อาหารที่มีการเติบโตขึ้นมาก ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด โดยเฉพาะตลาดเดลิเวอรี่อาหารในประเทศไทยที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่าง ๆ มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสให้กับบริษัทขายบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมีคุณภาพสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น ทำให้มาร์จิ้นของบริษัทสูงขึ้น อย่างไรก็ตามธุรกิจของ SCGP มีปัจจัยเสี่ยงอยู่บ้างจากราคาต้นทุนการผลิตที่อาจมีความผันผวน ซึ่งอาจจะกระทบต่อกำไรได้บ้างในบางช่วง