บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(RASA)อยู่ระหว่างคัดเลือกพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนด้านเงินทุนพัฒนาโครงการ โดยอาจได้ข้อสรุปเร็วกว่าปลายไตรมาส 4/50 จากตัวเลือกล่าสุดที่เหลืออยู่ 2 ราย ซึ่งจะเป็นตัวชี้อนาคตมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาในปี 51 แต่อย่างน้อยคาดว่าจะมีการพัฒนาในมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาท ส่วนปีนี้เตรียมเปิดอีก 3 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ รวมมูลค่า 3 พันล้านบาท
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ กรรมการ RASA เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทจะคัดเลือกพันธมิตรเพียงรายเดียวจากผู้ที่เสนอตัวเข้ามาขณะนี้ 2 ราย เป็นธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกัน คือ รายที่เป็นต่างประเทศ ฐานเงินแข็งแกร่ง แต่ไม่มีโนฮาว ส่วนรายที่เป็นธุรกิจในประเทศมีทั้งโนฮาวและฐานการเงิน ซึ่งเป็นบริษัทอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
ส่วนจะเลือกรายใดคาดว่าจะสรุปในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้แน่นอน หรืออาจเร็วกว่านั้น
"อยากสรุปให้เหลือแค่รายเดียว เพราะบริษัทเราเล็ก มีพาร์ทเนอร์หลายคนเดี๋ยวตีกันตาย สำหรับรายที่เป็นในประเทศต้องดูว่าโนฮาวเดียวกันหรือเปล่า ซึ่งแนวทางการเป็นพันธมิตรดูไว้หลายรูปแบบ เช่น ซื้อที่ดินจากบุคคลภายนอกและตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน รวมถึงการจะเข้ามาถือหุ้นใน RASA หรือไม่ก็มีการคุยกัน"นายเลิศมงคล กล่าว
ก่อนหน้านี้ RASA ระบุว่า มีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงค์โปร์, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, ดูไบ และสหรัฐอเมริกา แสดงความสนใจที่จะเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัท
นายเลิศมงคล กล่าวต่อว่า การหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทุนเพิ่มเติมมาขยายโครงการ เพราะฐานทุนของบริษัทค่อนข้างเล็ก ทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 400 ล้านบาททำให้การขยายธุรกิจทำได้ไม่เต็มที่
"ทุนเราเล็ก แค่จะซื้อที่ดินในเมืองเพื่อทำคอนโดฯ ตกไร่ละร้อยล้าน ซื้อที่ 2 แปลงก็หมดแล้ว ยังไม่รวมเงินที่ต้องใช้ Working Cap อีก จริงๆมีคนเอาโครงการมาเสนอขายเยอะ แต่ทุนเราขยายไม่ไหว ก็ต้องหาทุนจากเมืองนอก หรือทุนไทยที่ต้องการ Return พอสมควร"นายเลิศมงคล กล่าว
ส่วนแนวทางอื่น เช่น การเพิ่มทุนคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะบริษัทเพิ่งขาย IPO ได้เพียง 6 เดือน นักลงทุนอาจจะยังไม่พร้อม นอกจากนี้มีหลายรายเสนอจะเอาที่ดินมา Joint Venture เพราะต้นทุนการทำโครงการคือต้นทุนที่ดิน ซึ่งถ้าเจ้าของที่ดินไม่ต้องการเงินสดก็อาจจะตีราคาที่เป็นหุ้น และตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ด้วยกัน
สำหรับการร่วมมือกับธุรกิจของครอบครัวพงศทัตในการพัฒนาคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านสาทร-เจริญนคร จะมีการร่วมมือกันในโครงการอื่น ๆ อีกหรือไม่ ต้องรอดูผลการเปิดขายโครงการแรกในเดือน ต.ค.นี้ก่อน
*ปี 51 เปิดโครงการอย่างน้อย 3 พันลบ.
นายเลิศมงคล กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในย่านวัชรพลชื่อโครงการ"รสา พาร์ค เลน"มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วง ธ.ค.นี้
ส่วนอีก 2 โครงการเป็นคอนโดมิเนียม คือ "เดอะ ไลท์เฮ้าส์" บนถนนสาทร-เจริญนคร 14 มูลค่า 1.2 พันล้านบาท เปิดในช่วง ต.ค.นี้ และโครงการคอนโดมิเนียม บนที่ดิน 3 ไร่กว่าในย่านประดิพัทธ์ ที่จะเปิดในช่วง พ.ย.-ธ.ค.นี้ มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท
สำหรับปี 51 มีแผนเปิดโครงการใหม่ มูลค่าอย่างน้อย 2-3 พันล้านบาท เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มคอนโดมีเนียมยังไปได้ดี ยิ่งถ้าเราสรุปพันธมิตรได้เร็วแผนปีหน้าก็จะชัดเจนเร็วขึ้น
ด้านนางสาวอัจฉราพร ศิริไพรวัน กรรมการผู้จัดการ RASA กล่าวว่า บริษัทปิดการขายโครงการรสา วิลเลจ บนถนนพุทธมณฑลสาย 3 เรียบร้อยแล้ว ด้วยยอดขายกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน RASA มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการอยู่ ได้แก่ โครงการรสา สแปนิช คอร์ทยาร์ด ซอยมัยลาภ ถนนเกษตร-นวมินทร์, โครงการวิลเชอร์ คอนโดมิเนียม ซอยสุขุมวิท 22 ถนนสุขุมวิท, โครงการวิลมอร์ คอนโดมิเนียม ซอยพหลโยธิน 32
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--