สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษดำเนินคดีอาญาบุคคล 4 ราย ได้แก่ (1) นายธนเดช ศรีณรงค์ (ขณะกระทำความผิดชื่อนายพรหมกรรณ ศรีณรงค์) (2) นางณฤดี เขียวยิ่ง (3) นายนิธิศ ศิลมัฐ และ (4) นายวิญญู อำนวยสมบัติ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีสร้างราคาและปริมาณหุ้น บมจ.เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ (ACD) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.กรีน รีซอร์สเซส (GREEN) พร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต.ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีสภาพการซื้อขายหุ้น ACD ที่ผิดไปจากสภาพปกติ ในช่วงปลายปี 57 อันเนื่องมาจากการซื้อขายของบุคคลกลุ่มหนึ่ง และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม ก.ล.ต. พบพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ในวันที่ 7 และ 17 พ.ย.57 นายธนเดช นางณฤดี นายนิธิศ และนายวิญญู ได้ตกลงหรือร่วมรู้เห็นกันส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น ACD ในลักษณะที่เป็นการสร้างราคาและปริมาณโดยผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการอำพรางให้บุคคลทั่วไปหลงผิดเกี่ยวกับราคาและปริมาณ ทำให้สภาพการซื้อขายหุ้น ACD ผิดไปจากปกติ
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 243 (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) โดยมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งปัจจุบัน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ยังบัญญัติให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดอยู่ตามมาตรา 244/3 และต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 4 ราย ต่อ ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย เนื่องจากความผิดฐานสร้างราคาและปริมาณหลักทรัพย์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ