โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) หลังมองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 ฟื้นตัวได้ดีจากไตรมาสก่อนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ช่วยหนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นั้นจะค่อย ๆ ทยอยลดลง รวมถึงจำนวนผู้เข้าใช้บริการ (Traffic) ฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปีน่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน
พร้อมกันนี้คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นต่อเนื่องจนถึงปี 64 จากฐานต่ำในปีนี้ รวมถึงการกลับมาทยอยขึ้นค่าเช่า อีกทั้งเตรียมเปิดโครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ตลอดจนมีแผนการขายสินทรัพย์เข้า CPNREIT ซึ่งจะช่วยหนุน upside เพิ่มด้วย
พักเที่ยงหุ้น CPN อยู่ที่ 48 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 4% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.81%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ทิสโก้ ซื้อ 66.00
หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 67.00
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 58.00
ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 55.00
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 66.00
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 ของ CPN คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการเปิดให้บริการเต็มที่ทุกสาขาและมีผู้ใช้บริการมากขึ้น จากไตรมาส 3/63 ที่มีการปิดไปบางช่วงจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ประกอบกับมีการให้ส่วนลดแก่ผู้ประกอบการ ส่วนในไตรมาส 4/63 สถานการณ์ดีขึ้นจากไตรมาส 3/63 ที่ให้ส่วนลด 20% เพราะมีมาตรการภาครัฐฯเข้ามาซึ่งจะช่วยให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของ CPN มีแนวโน้มดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ประเมินกำไรสุทธิปี 63 ของ CPN อยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท ลดลงจากระดับ 1.17 หมื่นล้านบาทในปีก่อน โดยคิดเป็นกำไรปกติราว 7 พันล้านบาท เป็นผลจากการรับรู้ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ราว 3 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันคาดว่าผลประกอบการปี 64 จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นมาที่ราว 8.3 พันล้านบาท จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ขณะที่ยังมี upside จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ที่มักจะมีเข้ามาเป็นปกติทุกปี อย่างไรก็ดีมองว่า CPN ยังไม่สามารถปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้มากนัก ทำให้คาดว่าผลประกอบการยังมีระดับต่ำกว่าในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19
"ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะสามารถควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน และรัฐบาลจะมีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นรายได้หลักของ CPN"นายมงคล กล่าว
นอกจากนี้ บทวิเคราะห์บล.เคทีบีฯ ยังระบุด้วยว่ากำไรสุทธิของ CPN ในไตรมาส 3/63 ออกมาดีกว่าคาดมากถึง 85% รวมถึงได้ผลดีจากข่าววัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีความคืบหน้าและเร็วกว่าคาด ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/63 ยังดีต่อเนื่อง จึงมองว่าราคาหุ้นจะยัง outperform ต่อได้
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า กำไรในไตรมาส 3/63 ของ CPN ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยมีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เติบโตได้ถึง 4 เท่าตัวเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ยังลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่หากไม่นับรายการพิเศษและการปรับตามมาตรฐานบัญชี IFRS 16 กำไรหลักเป็น 1.97 พันล้านบาท ลดลง 29.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/63 ที่ขาดทุน 611 ล้านบาท เนื่องจากการลดค่าเช่าน้อยลง และโปรแกรมควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายประสบความสำเร็จดี
อย่างไรก็ดี คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 และปี 64 ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการให้ส่วนลดผู้เช่าน้อยลงมาอย่างต่อเนื่อง คงคำแนะนำ "ซื้อ"แต่ราคาพื้นฐานใหม่ปรับขึ้นเป็น 55.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของ CPN ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3/63 แต่ยังลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังมีการให้ส่วนลดค่าเช่าอยู่บางส่วน แต่ส่วนลดจะค่อย ๆ ลดลง อีกทั้งคาดว่า Traffic จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 85% เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลและได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ขณะที่การชุมนุมทางการเมืองมีผลกระทบค่อนข้างจำกัด นอกจากนั้น CPN จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากการโอนโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปลายปี
ขณะที่กำไรปกติช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็น 98% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ ทำให้มีอัพไซด์ต่อประมาณการ ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากฐานต่ำ และคาดว่าจะทยอยกลับมาปรับขึ้นค่าเช่าได้ตั้งแต่กลางปีหน้าเป็นต้นไป อีกทั้งมีการเปิดโครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ที่จ.พระนครศรีอยุธยาและศรีราชา ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานด้วย