บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER)ลดเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิปี 50 เหลือใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 496.97 ล้านบาทและกำไรสุทธิยัง 58.49 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน หลังจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทก็ได้เตรียมแผนการตลาดเชิงรุกในครึ่งปีหลังที่จะรับรู้รายได้จากโครงการมายโฮมบางนาและโครงการมายโฮมเทพารักษ์
ขณะที่โครงการใหม่ คือ โครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ และโครงการมายโฮมเชียงใหม่ เลื่อนเปิดตัวจากกลางปีนี้ไปปลายปีหรือต้นปีหน้า หลังได้เงินจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท มายรีสอร์ท จำกัด
"เราประเมินรายได้ไว้ประมารการไว้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ก็พยายามจะทำกำไรสุทธิให้ได้เท่าๆกับปีก่อน ถึงแม้เศรษฐกิจดูแย่ลง เพราะคิดว่าเราน่าจะได้ เพระดูจากครึ่งปีแรก ผลประกอบการเรายังไปได้ตามมาตรฐาน"น.ส.วิไลรัตน์ กฤตนิรัติศัย กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน EVER กับ"อินโฟเควสท์"
ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 216.54 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.02 ล้านบาท
น.ส.วิไลรัตน์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีโครงการมายโฮมเทพารักษ์ มูลค่ายอดขายกว่า 500 ล้านบาท และ โครงการมายโฮมบางนา มูลค่ายอดขายรวมกว่า 700 ล้านบาทที่พร้อมขาย ซึ่งบางส่วนทยอยรับรู้รายได้แล้ว
โครงการมายโฮมบางนา แบ่งเป็นอาคารสำนักงานที่มี 1.6 หมื่นตรม. ขายได้ประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว และ อาคารชุดที่พักอาศัย มี 2 อาคารรวมที่มีกว่า 700 ยูนิต ขณะนี้เหลืออยู่ไม่มาก อาจจะปิดโครงการได้ภายในปีนี้ ส่วนโครงการมายโฮมเทพารักษ์ เป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น มีจำนวนประมาณ 194 ยูนิต
"ถึงภาวะอสังหาฯจะชะลอตัว แต่ดูยอดโครงการคอนโดฯยังไปค่อนข้างดี ส่วนอาคารสำนักงานมีแนวโน้มจะดี เพราะอนาคตจะมีรถไฟฟ้าจะผ่าน ซึ่งจะขายออฟฟิศได้ดี เพราะโครงการบางนาอยู่ในแนวเส้นรถไฟฟ้า" น.ส.วิไลรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคงต้องทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการมายโฮมเทพารักษ์ยังเหลืออยู่มาก ซึ่งยังมีปัจจัยลบ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และการแข่งขันก็สูง แต่ก็ยังเชื่อยอดขายโครงการของบริษัทยังไปได้ เพราะทำเลโครงการมายโฮมบางนาอยู่ติดถนนใหญ่ ส่วนโครงการมายโฮมเทพารักษ์อยู่ที่ กม. 1 ก็อยู่ห่างจากแนวรถไฟฟ้าไม่ไกล
ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับขึ้นราคาห้องชุดที่อยู่อาศัยในโครงการมายโฮมบางนา แต่บางห้องก็ปรับลงขึ้นอยู่กับที่ตั้งของแต่ละห้อง ซึ่งภายในปีนี้โครงการมายโฮมบางนาน่าจะปิดได้
ดังนั้น ยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นมาในครึ่งปีหลังมาจากตัวโครงการมายโฮมบางนา และ มายโฮมเทพารักษ์ และบางส่วนอาจทยอยไปโอนปีหน้า
สำหรับการขายกิจการ บริษัท มายรีสอร์ท จำกัด ทั้งจำนวน 99.99% ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ เฟส 2-10 ให้กับบริษัท นิวฮาร์เบอร์วิลล์ จำกัด เป็นเงิน 259.53 ล้านบาท น.ส.วิไลรัตน์ กล่าวว่า การขายครั้งนี้ทำให้หนี้สินลดลงมาก ทำให้มีสภาพคล่องมาก และได้เงินไปพัฒนาโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ในส่วนที่ EVER ยังครอบครองอยู่ประมาณ 100 ไร่และโครงการมายโฮมเชียงใหม่
"การขายเฟส 2-10 ไป มองระยะยาวแล้วกว่าจะขึ้นโครงการได้ต้องใช้เวลาอีกสักพัก ขณะที่เราต้องถือแลนด์แบงก์ไว้และแบกหนี้เอาไว้ แต่การขายไปเราได้ผลกำไร ณ วันนี้แล้วและเราก็ได้เงินทุนมาพัฒนาโครงการอื่นแทนที่จะกู้และมีดอกเบี้ย เพราะที่ดินตรงโครงการสุวินทวงศ์ ต้องใช้เวลาพัฒนานาน เพราะพื้นที่มีขนาดใหญ่และที่ตั้งอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ พูดตรงๆถึงทำบ้านก็ขายยาก" น.ส.วิไลรัตน์ กล่าว
ขณะที่บริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งไปหาทำเลใหม่ที่อาจจะดีกว่าสุวินทวงศ์แทนที่จะอยู่ที่สุวินทวงศ์ทั้งหมด โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 600 ไร่
ทั้งนี้ บริษัทจะพัฒนาโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ และโครงการมายโฮมเชียงใหม่เป็นบ้านเดี่ยว โดยโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์จะมีจำนวน 200 กว่ายูนิตบนพื้นที่ 130 ไร่ และ ที่เชียงใหม่มีพื้นที่ประมาณ 170 ไร่โดยจะทยอยสร้างเป็นเฟส เริ่มก่อสร้างปีหน้าและทั้งสองโครงการ อาจเปิดตัวปลายปีหรืออย่างช้าต้นปีหน้า
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--