บมจ.ดี อี แคปปิตอล(DE) ยอมรับสนใจลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการขยายธุรกิจใหม่ให้กับบริษัท หลังมีผู้เสนอโครงการเข้ามาหลายรายทั้งเสนอให้เข้าร่วมทุนและเสนอขายทั้งโครงการ แต่ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจเลือกเข้าไปลงทุน และยังพร้อมเปิดกว้างหากเงื่อนไขดี
"ถ้าพูดถึงในระยะสั้นๆ การเข้าไปเทกโอเวอร์โครงการอสังหาริมทรัพย์ ก็ดูแล้วมีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขราคา...ที่ผ่านมามีคนมาเสนอให้ผมเยอะ แต่ผมยังไม่ตัดสินใจ"นายกมล เอี้ยวศิวิกูล กรรมการผู้จัดการ DE กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้เสนอเข้ามามีหลายโครงการมากกว่า 10 ราย ได้แก่ โครงการคอนโดมเนียม ซึ่งอยู่ในกรุงเทพ โครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ มีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่ที่นำมาเสนอเพราะเจ้าของขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ต่อไป
ส่วนธุรกิจให้เช่าสื่อโฆษณา ป้ายบิลบอร์ดที่ดำเนินงานอยู่ ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ดี ขณะที่ลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อเดิมเริ่มทยอยเก็บเงินได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าปี 50 จะสามารถพลิกมีกำไรได้ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 238 ล้านบาท
"DE เริ่มกลับมามีกำไรในไตรมาส 2 หลังจากที่นายกมลเข้ามาบริหาร จากที่เคยขาดทุน ส่วนครึ่งปีหลัง ธุรกิจบิลบอร์ด ยังไปได้ดี ทำให้ในไตรมาส 3 และ 4 ไม่ขาดทุน ถ้าทั้งปีก็ไม่น่าขาดทุน" นายกมล กล่าว
ทั้งนี้ สถานะการเงินของ DE ก็เริ่มอยู่ตัว หนี้สินก็เคลียร์ได้หมดแล้ว เหลือแต่ลูกหนี้ในพอร์ตที่ทยอยเก็บเข้ามา ทำให้ DE เป็น cash company แต่หากจะลงทุนเพิ่มในธุรกิจใด ก็จะตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงการที่ดีที่สุด เพราะถ้าต้องการให้ DE ฟื้นตัวมากกว่านี้ก็ต้องใช้เงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้ศักยภาพที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งอาจต้องมีการกู้เงินก็ได้
นายกมล เริ่มเข้ามาบริหาร DE เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการจัดการขายทรัพย์สินรถยนต์ และปิดสาขาต่างจังหวัด และจัดเก็บหนี้จากพอร์ตสินเชื่อได้ในช่วงแรกได้ประมาณ 200 กว่าล้านบาท ซึ่งได้นำไปลงทุนบริษัท เจอาร์ ดีล จำนวน 150 ล้านบาท และ ซื้อที่ดินย่านแคราย 35 ล้านบาท นอกจากนี้ ก็ยังมีเงินสดที่ทยอยเก็บได้จากพอร์ตลูกหนี้เดิม
นายกมล คาดว่าบริษัทจะเก็บหนี้ได้ราว 400-500 ล้านบาทจากพอร์ตสินเชื่อเดิมที่มี 1.4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ไม่ดี คาดว่าจะสิ้นปี 52 สามารถเคลียร์หนี้ในพอร์ตได้หมด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สูญเกือบหมดแล้ว หากเก็บหนี้ได้ภายหลังก็จะเป็นรายได้และกำไรกลับคืนมาบริษัท
ส่วนขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท ก็สามารถนำไปใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยยังไม่มีแนวคิดล้างขาดทุนสะสม
สำหรับการออกวอร์แรนต์ฟรีจำนวน 264 ล้านหน่วยให้กับผู้ถือหุ้น DE นายกมล กล่าวว่า บริษัท ไอวี โกลบอล ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาได้ยื่นข้อมูลตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เรียกข้อมูลครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนก.ย.ทีผ่านมา หากไม่มีการยื่นข้อมูลเพิ่มเติมอีก ก็คาดว่าจะเริ่มกระบวนการนับหนึ่งไฟลิ่งได้ และน่าจะใช้ระยะเวลา 45 วันทำการ คาดว่าในปลายปีนี้บริษัทสามารถดำเนินการแจกวอร์แรนต์ได้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--