นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการลงทุนธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Life science (ธุรกิจยา ธุรกิจ Nutrition ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์) คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/64 จากที่ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ดำเนินธุรกิจดังกล่าวในต่างประเทศ 1-2 ราย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานธุรกิจรับเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมีที่กลุ่ม ปตท.มีฐานผลิตอยู่แล้ว
ปัจจุบัน ปตท.ได้จัดตั้งบริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.) เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการลงทุนในธุรกิจยาในต่างประเทศ ตามกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจใหม่ของปตท. รวมทั้งเพื่อพัฒนาศักยภาพความสามารถของ ปตท.ในด้าน Life science ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กลุ่ม ปตท.เตรียมแผนรองรับสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 โดยจะสานต่อจากแผนเดิมที่ดำเนินการไว้ในปีที่แล้ว โดยกลุ่ม ปตท.มีความพร้อมทั้งด้านการดูแลพนักงาน และปฏิบัติงานตามที่ต่าง ๆ ให้การเดินหน้าผลิต เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในส่วนของความต้องการใช้พลังงานของประเทศจะลดลงมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับสถานการณ์การระบาดด้วย หลังในช่วงการระบาดรอบแรกความต้องการใช้พลังงานลดลงไปมากในเดือน มี.ค.-เม.ย.63 และก่อนที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่นี้ ความต้องการใช้โดยเฉพาะน้ำมันก็กลับมาใกล้เคียงระดับเดิม ซึ่งกลุ่ม ปตท.ก็จะได้ตามติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
เบื้องต้นยังคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 64 จะเคลื่อนไหวราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่อยู่ที่ความร่วมมือของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ว่าจะจำกัดการผลิตมากน้อยเพียงใด และหากวัคซีนโควิด-19 สามารถนำออกมาใช้คุมสถานการณ์ได้ทั่วโลก ราคาน้ำมันก็อาจจะสูงขึ้น แต่ก็คาดว่าจะไม่สูงมากไปถึงระดับ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปี 64 ทิศทางราคาก๊าซฯในอ่าวไทยลดลงจากต้นทุนที่ผันแปรตามทิศทางน้ำมันดิบย้อนหลัง ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก หากความต้องการใช้ลดลงก็มีผลต่อยอดผลิต และคงต้องบริหารจัดการด้วยการส่งออก
สำหรับการลงทุนเพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ในปี 64 กลุ่ม ปตท.ก็มีแผนลงทุนในโครงการที่ได้อนุมัติแล้วรวมทุกบริษัท 2.6 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นงบลงทุนของ ปตท.ราว 7.6 หมื่นล้านบาท และยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) พร้อมที่จะลงทุนของกลุ่มในปีนี้รวม 3 แสนล้านบาท โดยแผนงานก็จะต่อเนื่องจากธุรกิจฐานของ กลุ่ม ปตท. และ สร้างแพลตฟอร์มในธุรกิจใหม่เพื่อเป็น NEW S-CURVE ให้กับประเทศ รวมทั้งเดินหน้าจ้างงานใหม่ในระยะสั้นและยาว อีก 2.6 หมื่นตำแหน่ง ภาพรวมก็เป็นไปตามเป้าหมายโครงการ Restart Thailand ของกลุ่ม ปตท.
ส่วนแผนลงทุน 5 ปี (ปี 64-68 ) ของกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีแผนลงทุนที่ชัดเจนรวม 8.4 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นงบลงทุนเฉพาะของปตท. ราว 1.79 แสนล้านบาท