นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.อยู่ระหว่างพิจารณาใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) สำหรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้แก่บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ที่ได้ยื่นขอนำเข้าในปริมาณ 2.5 แสนตัน/ปี แต่เบื้องต้นให้มีการส่งเอกสารเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในเดือนม.ค.นี้
อย่างไรก็ตามการอนุมัติปริมาณการนำเข้า LNG จะต้องสอดคล้องกับการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าจริง และต้องไม่กระทบต่อสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่มีกับบมจ.ปตท. (PTT) ซึ่งกกพ.จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์เช่นเดียวกันผู้ประกอบการรายอื่นที่ได้รับใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้
ส่วนการที่กลุ่มบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับใบอนุญาต Shipper ก่อนหน้านี้ จะยื่นขอนำเข้า LNG เพิ่มเติม เพื่อนำมาจำหน่ายให้กลุ่มลุกค้าอุตสาหกรรมนั้น ทาง BGRIM สามารถยื่นเข้ามาได้ ซึ่ง กกพ.ก็พิจารณาตามหลักเกณฑ์ แต่ลูกค้าดังกล่าวจะต้องไม่ติดสัญญากับทาง ปตท. เช่นกัน
ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาต Shipper จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย ปตท. , การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ในกลุ่ม BGRIM , บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) , บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF และบมจ.ราช กรุ๊ป (RTACH)
ขณะที่ EGCO ระบุก่อนหน้านี้ว่าได้ยื่นขอนำเข้า LNG เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ของกลุ่มบริษัท ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขนาด 256 เมกะวัตต์ ,โรงไฟฟ้าคลองหลวง จ.ปทุมธานี ขนาด 121 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นปริมาณก๊าซฯส่วนเกินจากสัญญาซื้อขายก๊าซธฯกับปตท. นอกจากนี้ยังจะใช้สำหรับโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าทดแทน (SPP Replacement) กำลังการผลิตระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าทดแทนโรงเดิมที่จะหมดสัญญาในปี 67 และขณะนี้ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯกับปตท.