นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระหว่างทาง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังเพิ่มขึ้นมาก และ 2 วันที่ผ่านมาดัชนีฯขึ้นไปมาก ซึ่งเป็นการเล่นกระจุกตัวบาง Sector ทำให้ต้องระวัง และหุ้น DELTA ก็เข้าเกณฑ์ Cash Balance ด้วย อีกทั้งตอนนี้แม้จะไม่มีล็อกดาวน์แต่ในอนาคตก็ยังมีความไม่แน่นอน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ย่อตัวลงเล็กน้อย และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สติดลบกว่า 100 จุด หลังผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ตอนนี้พรรคเดโมแครตนำมา 2 คน ซึ่งก็ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเก็บภาษีฯที่อาจถูกผลักดันให้เกิดขึ้นได้ง่าย และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้ อย่างไรก็ดีวันนี้ทางสภาคองเกรสจะมีการรับรองนายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตดี และหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มขนส่ง และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์น่าจะเติบโตดีด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียรับอาสาที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าหุ้น PTTEP จะรีบาวด์ได้ดีในวันนี้ และคาดว่าตลาดฯน่าจะได้รับแรงหนุนจากกลุ่ม Commodity ด้วย
ส่วนบ้านเราจะต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยมองว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงหรือไม่ และถ้ายังขยับขึ้นทางการจะควบคุมได้อยู่หรือเปล่า สำหรับหุ้น DELTA แม้ว่าจะติดเกณฑ์ Cash Balance ก็คงจะมีผลต่อตลาดไม่มาก เพราะหุ้นตัวนี้ราคาแพงนักลงทุนรายย่อยคงจะไม่ได้เล่นกัน
พร้อมให้แนวรับ 1,492-1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,513 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,391.60 จุด เพิ่มขึ้น 167.71 จุด (+0.55%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,726.86 จุด เพิ่มขึ้น 26.21 จุด (+0.71%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,818.96 จุด เพิ่มขึ้น 120.51 จุด (+0.95%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 36.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ม.ค.) 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุด (+2.62%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 13.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ม.ค.) ปิดที่ 49.93 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.31 ดอลลาร์ หรือ 4.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ม.ค.) อยู่ที่ 1.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.91 แข็งค่าจากเย็นวานนี้หลังดอลล์อ่อน จับตาสถานการณ์โควิด
- นายกฯ สั่งทีมเศรษฐกิจทำแผนเยียวยาผลกระทบโควิดรอบใหม่ช่วย 40 ล้านคน ในช่วง 2 เดือน ยืนยันมีเงินพอดูแล "โฆษกรัฐบาล" เผยไม่มีหารือจ่ายเงินเยียวยาแบบเดิม เน้นมาตรการดูแลค่าครองชีพ เล็งหาข้อสรุปใน ศบศ.
- ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งขยายเวลา "การบินไทย" นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการถึงวันที่ 4 ก.พ.64 เนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลายประการ ที่จำเป็นต้องพิจารณาวิเคราะห์และกำหนดรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ โครงสร้างทุนและโครงสร้างองค์กรอย่างรอบด้าน
- ครม.เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ภายใต้กรอบงบประมาณขาดดุล 7 แสนล้านบาท พร้อมรับทราบเศรษฐกิจไทยปี 63 ติดลบ 7.8% ก่อนพลิกกลับเป็นบวก 3.6% ในปี 64 ขณะที่ส่งออกติดลบ 8.2% และขยับเป็นบวก 4.5% ในปี 64
- สภาผู้ส่งออกคงเป้าหมายส่งออกปี 64 เติบโต 3-4% แม้โควิดระบาดไม่จบเร็ว แต่ขอเวลา 30 วัน ติดตามผลกระทบ ด้าน พาณิชย์ชี้ความต้องการสินค้าผักกระป๋องและแปรรูปดาวเด่นช่วงโควิดแนะใช้เอฟทีเอ 18 ประเทศดันส่งออก
- นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 11 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-พ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 12.7% โดยกลุ่มเบนซินลดลง 1.8% กลุ่มดีเซลลดลง 3.3% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (เจท A1) ลดลง 61.2% น้ำมันเตาลดลง 13.6% น้ำมันก๊าดลดลง 14.0% ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ลดลง 14.3% และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ลดลง 28.8%
- "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อ ธ.ค.63 ติดลบ 27% ทั้งปีติดลบ 0.85% รับโควิด-19 ฉุดกิจกรรมเศรษฐกิจ-บริโภค-นักท่องเที่ยวชะลอ ด้าน สรท.ลุ้นส่งออกปี 2564 พลิกโตบวก 3-4%
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCGP (เคทีบีฯ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 45 บาท การเติบโตของ E-Commerce และการระบาดของโควิดระลอกใหม่เป็นตัวเร่งการใช้บรรจุภัณฑ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดจะทำให้รายได้รวมในปี 2564 เติบโตประมาณ 10% บรรจุภัณฑ์กระดาษยังเป็นตัวเด่น ด้าน Bloomberg Consensus Survey กำไรสุทธิเฉลี่ยใน ปี 2564-2565 ที่ 8.2 พันล้านบาท และ 9.8 พันล้านบาท เติบโต +24.5%YoY, +19.5%YoY ตามลำดับ
- JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"อยู่ระหว่างปรับเป้าขึ้นจากปัจจุบันที่ 10 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 ยังฟื้นตัวแกร่งตัวเนื่องทั้งธุรกิจในไทยและต่างประเทศตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหนุนความต้องการเช่าคลังสินค้า ห้องเย็น รวมถึง Barge Terminal ที่มีปริมาณขนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด โดยอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรขึ้น จากปัจจุบันที่คาดปี 2563 -19% Y-Y และฟื้นตัวเด่น +21% Y-Y ในปี 2564
- TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 64 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/63 โตโดดเด่น จากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอบ 10 เดือนหนุนกำไรจาก Stock gain เพิ่มขึ้น และ ค่าเงินบาทแข็งค่าหนุน Fx gain เพิ่มขึ้นเช่นกัน