โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มองกำไรสุทธิปี 64 เติบโตต่อเนื่องจากปี 63 จากรับอานิสงส์สถานการณ์โควิด-19 ที่ให้บริการตรวจหาเชื้อ และการให้บริการ Alternative State Quarantine (ASQ) เข้ามาชดเชยรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปที่ลดลง ทำให้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยกว่ารายอื่นในกลุ่มโรงพยาบาลด้วยกัน
นอกจากนี้เตรียมเปิดบริการโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งในปีนี้ ได้แก่ รพ.เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี เปิดให้บริการไตรมาสแรก และรพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ในไตรมาสที่ 2 จะช่วยทำให้รายได้มากขึ้น รวมทั้งยังได้รับผลบวกต่อเนื่องจากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวของกลุ่มประกันสังคมตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิในปี 63 มาที่ 1,197-1,238 ล้านบาท เติบโต 5.5-9% จากปี 62 และกำไรสุทธิในปี 64 อยู่ที่ 1,327 - 1,359 ล้านบาท เติบโต 8.4%-13.5%
ช่วงบ่ายราคาหุ้น BCH อยู่ที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.72% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย บวก 1.21%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) เคจีไอฯ ซื้อ 22.30 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 19.00 หยวนต้าฯ ซื้อ 19.30 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 17.10
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ BCH ในปี 64 คาดว่าจะเติบโตจากปี 63 โดยในระยะสั้นได้ประโยชน์จากการระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่องจากครึ่งหลังปีก่อน จากการให้บริการตรวจโควิด-19 ทำให้มีรายได้เข้ามาชดเชยในไตรมาส 3-4 และจะยังมีความต่อเนื่องถึงในปีนี้ ซึ่งช่วยลดความกังวลจากการสูญเสียรายได้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของโรงพยาบาลเวิลด์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ (WMC)
ประกอบกับในปีก่อนได้รับผลประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาลของกลุ่มประกันสังคมก็ทำให้ภาพรวมในปี 64 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และปีนี้ก็น่าจะเริ่มเห็นต่างชาติกลับเข้ามาทำการรักษาได้ในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงการเปิดโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งในปี 64 คือ รพ.เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี เปิดให้บริการไตรมาสแรก ปี 64 และรพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ในไตรมาสที่ 2/64
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิในปี 63 อยู่ที่ 1,197 ล้านบาท เติบโต 5.5% จากปี 62 และในปี 64 คาดมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,359 ล้านบาท เติบโต 13.5%
ด้านนายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/63 ของ BCH จะเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่จะลดลงค่อนข้างมากจากไตรมาส 3/63 ที่มีกำไรสุทธิ 413 ล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 มีประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการเลื่อนเปิด รพ.เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี จำนวน 115 เตียง ไปเป็นไตรมาส 1/64 ส่วน รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ จำนวน 110 เตียง เลื่อนไปเปิดในไตรมาส 2/64 จากกำหนดการเดิมเปิดไตรมาส 1/64
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4/63 มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้บริการตรวจโควิด-19 การให้บริการ Alternative State Quarantine (ASQ) และรายได้ผู้ป่วยโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น แม้รายได้ผู้ป่วยทั่วไปลดลง
ทั้งนี้ คาดว่า BCH จะมีกำไรสุทธิในปี 63 ที่ระดับ 1,224 ล้านบาท เติบโต 8% และในปี 64 มีกำไรสุทธิ 1,327 ล้านบาท เติบโต 8.4% ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19 บาท
ส่วนนายถกล บรรจงรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดว่าผลกำไรในปี 63 ของ BCH เติบโต 9% มาที่ 1,238 ล้านบาท แม้จะรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตได้จากการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวและฐานผู้ประกันตนของผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้เสริมจากการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และรายได้จากการให้บริการ Alternative State Quarantine (ASQ) เข้ามาเสริมด้วย
ส่วนในปี 64 คาดว่ารายได้จะปรับตัวดีขึ้น และคาดกำไรจะเติบโต 9% มาที่ 1,344 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย
"BCH แย่น้อยกว่ารายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน รายได้จากการตรวจโควิด และมีรายได้จากประกันสังคมที่มีการปรับขึ้นค่าห้อง มาชดเชยได้"นายถกล กล่าว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า BCH ยังมีความน่าสนใจที่ได้ประโยชน์จากกลุ่มประกันสังคม และในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังได้รับประโยขน์จากการระบาดโควิด-19 ทั้งนี้ BCH มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มประกันสังคมกว่า 30%
ทั้งนี้ คาดกำไรในปี 64 ของ BCH เติบโตราว 4-5% จากการเปิดโรงพยาบาลใหม่ในปีนี้ ขณะที่อัพไซด์ยังขึ้นกับโรงพยาบาลใหม่ได้จุดคุ้มทุนได้เร็วหรือไม่ โดยแนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 17.10 บาท