นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเกือบ 3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียจะลดกำลังการผลิตน้ำมันทำให้เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน และคาดว่า Fund Flow จะยังไหลเข้ามาเห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4.5 พันล้านบาทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีให้ระวังความผันผวนด้วย โดยเฉพาะหุ้น DELTA ที่มีผลต่อดัชนีฯมาก อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการปรับเกณฑ์หุ้นที่มีฟรีโฟลตต่ำ และ Valuation ของตลาดเริ่มตึงตัวแล้ว ทำให้นักลงทุนจะต้องระวังแรงขายทำกำไร
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้รอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์, การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหรือไม่ และติดตามกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกในเร็ว ๆ นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,520-1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 ถัดไป 1,560-1,565 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,097.97 จุด เพิ่มขึ้น 56.84 จุด (+0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,824.68 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุด (+0.55%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.98 จุด เพิ่มขึ้น 134.50 จุด (+1.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 125.76 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (11 ม.ค.) เนื่องในวันฉลองบรรลุนิติภาวะ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ม.ค.) 1,536.44 จุด เพิ่มขึ้น 22.66 จุด (+1.50%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,563.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ม.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ม.ค.) ปิดที่ 52.24 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ม.ค.) อยู่ที่ 1.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.15/19 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง คาดหวังมาตรการกระตุ้นสหรัฐหนุนเศรษฐกิจฟื้น
- นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไวรัสโควิดกลับมาแพร่ระบาด คปภ.ได้ส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยจัดทำประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนให้ความสนใจซื้อจำนวนมาก โดยล่าสุดจำหน่ายได้แล้ว 9.26 ล้านฉบับ คิดเป็นเบี้ยประกันภัย 4,120 ล้านบาท และยังมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือเวียนไปยังธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) และนอนแบงก์ทุกแห่ง ถึงแนวปฏิบัติในการให้บริการพร้อมเพย์สำหรับบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-มันนี่) โดย ธปท.ได้ปรับปรุงแนวปฏิบัติใหม่ ประกอบด้วย แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการแสดงตน ตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง และพิสูจน์ตัวตนของผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์บนบริการอี-มันนี่ ซึ่งการเปิดใช้อี-มันนี่ให้ทำตามหลักเกณฑ์ตามความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ และการรับลงทะเบียนพร้อมเพย์ต้องพิสูจน์ตัวตนจนมั่นใจว่าลูกค้าลงทะเบียนพร้อมเพย์เป็นเจ้าของบัญชีอี-มันนี่จริง
- สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชงรัฐบาลเร่งฟื้นท่องเที่ยวทั้งระบบ ขอเยียวยา พักหนี้ ลดค่าไฟยาวทั้งปี พร้อมขอให้เข้ามาสนับสนุนชดเชยค่าแรงให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 50% เหมือนกรณีจ้างงานนักศึกษาจบใหม่
- ตลาดหลักทรัพย์วางเป้าปี 64 มาร์เกตแคปหุ้นไอพีโอ 5.55 แสนล้านบาท เปิดกลยุทธ์ 3 ปี (ปี 64-66) สู่เป้าหมายสร้างโอกาสการเติบโตของประเทศอย่างมีสมดุลทั้งธุรกิจและสังคม เพื่อให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ภายใต้กรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืน 4 ด้านกับ 8 กลยุทธ์
หุ้นเด่นวันนี้
- JR (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.80 บาท คาดกำไร Q4/63 ยังโตแกร่ง +16 Y-Y จากการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ปัจจุบันที่ 6.2 พันล้านบาท หนุนกำไรทั้งปี 2563 คาด +43% Y-Y แนวโน้มกำไรจะเร่งขึ้นในทุกๆไตรมาสของปีนี้ ขณะที่ฐานะการเงินแกร่งหนุนโอกาสรับงานใหญ่ในอนาคตและลุ้น Backlog ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดกำไรปี 2564-2565 โตก้าวกระโดดเฉลี่ย 103% CAGR (ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)
- TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 64 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/63 โตเด่นรับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำ New high ในรอบ 10 เดือน หนุนกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น คาด TOP จะมีกำไรมากสุดของกลุ่มเพราะมีกำลังการผลิตสูงสุด
- COM7 (เคทีบีฯ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 45.00 บาท คาดรัฐบาลจะออกมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 เข้มข้นขึ้น การ WFH จะขยายวงกว้างขึ้น เป็นตัวเร่งยอดขายอุปกรณ์ของ COM7 พร้อมตั้งงบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ขยาย 70 สาขา ในปีนี้รับดีมานด์อุปกรณ์ไอทีที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ามาร์จิ้นดีขึ้น โดยประเมินกำไรสุทธิเฉลี่ยใน ปี 2563-2564 ที่ 1.27 พันล้านบาท และ 1.53 พันล้านบาท เติบโต +4.7%YoY, +20%YoY ตามลำดับ