นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา (DOC) ประกาศการเก็บอากรการทุ่มตลาด (AD) สินค้ายางรถยนต์โดยสารและรถบรรทุกขนาดเล็กจากไทย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนามว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากสินค้ายางรถยนต์ของไทยถูกเก็บภาษี AD ที่ระดับ 16% เป็นอัตราที่ไม่มากนัก ขณะเดียวกันราคายางรถยนต์ในสหรัฐได้มีการปรับขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 สะท้อนภาษี AD ไปแล้ว
นอกจากนั้น มองว่าการย้ายโรงงานผลิตจากประเทศไทยทำได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามหากมีการย้ายโรงงานจริงบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ที่เป็นลูกค้าในปัจจุบันก็ยังจำเป็นที่จะต้องซื้อวัตถุดิบยางจากบริษัทเพื่อใชในการผลิตอยู่
"เรามองว่าการเก็บภาษี AD ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบบ้าง แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายต่างๆ ก็ได้มีการขึ้นราคาขายสินค้าไปแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาสะท้อนกับภาษีใหม่นี้แล้ว ในส่วนของผู้ผลิตเองการจะย้ายโรงงานเป็นไปได้ยาก ซึ่งหากจะย้ายจริงก็คงย้ายไปสหรัฐเลยยังไงก็ตามก็ยังต้องใช้วัตถุดิบจากเราอยู่ดี"นายชูวิทย์ กล่าว
สำหรับความเสี่ยงในปี 64 บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มมีการระบาดมากขึ้นในประเทศไทย โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพของพนักงาน และไม่ให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นเพื่อที่จะให้บริษัทสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ ซึ่งบริษัทได้ใช้มาตรการดูแลและระมัดระวังขั้นสูงสุด
ขณะที่ทิศทางผลประกอบการปีนี้บริษัทยังคงมองเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางราคายางที่ยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ประเมินราคาขายยางที่กรอบ 60-75 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าราคาเฉลี่ยในปีก่อนที่ 55 บาท/กิโลกรัม ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ยางที่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มถุงมือยาง ซึ่งช่วยดึงซัพพลายยางออกจากตลาดมากถึง 20% จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีทั่วโลก
ดังนั้น บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 64 ไว้ที่ 21,000-24,000 ล้านบาท ตามปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 410,000 ตัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มขายล่วงหน้าสำหรับสินค้าที่จะผลิตในช่วงไตรมาส 2/64 ไปแล้ว แต่หากสถานการณ์ราคาและความต้องการยางยังสูงไปถึงปลายไตรมาส 1/64 บริษัทอาจจะมีการพิจารณาเพื่อเพิ่มเป้าหมายรายได้ของปี 64 ขึ้นได้
"ปีนี้คำสั่งซื้อยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเราเริ่มขายสินค้าของกำลังการผลิตไตรมาส 2/64 ไปแล้ว แต่เราก็จะไม่รีบขายมากนักเพราะเรามองว่าทิศทางราคายางยังคงอยู่ในขาขึ้นอยู่เนื่องจากความต้องการวัตถุดิบยางอยู่ในระดับสูง ซึ่งสิ่งสำคัญปีนี้ก็อยู่ที่การดูแลสุขภาพของพนักงานไม่ให้มีปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อที่จะให้เดินเครื่องผลิตได้เต็มที่"นายชูวิทย์ กล่าว