นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 64 จะอยู่ที่ 1,600 จุด โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับ Sentiment เชิงบวกตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกที่ตัวเลขเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ก็ตาม แต่ประชาชนไม่ได้กังวลมากเหมื่อนกับการระบาดครั้งแรก
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มีความคาดหวังกับวัคซีนไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มมีผู้ผลิตยาหลายรายสามารถผลิตวัคซีนและเริ่มฉีดให้กับประชาชนทั่วไปกว่า 40 ประเทศแล้ว แต่ยังคงต้องติดตามผลของวัคซีนและประสิทธิภาพต่างๆ ด้วย รวมไปถึงปริมาณการผลิตวัคซีนว่าจะเพียงพอต่อประชากรทั่วโลกมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบหนักต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ยังจะได้แรงหนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายเชื่อว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี และสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทั่วโลก ในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เพิ่มเติมด้วย
นายไพบูลย์ เชื่อว่าจะประเทศไทยจะได้ปัจจัยหนุนหลักเข้ามาอีก 1 ปัจจัยเพิ่มเติมคือ ทิศทางเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามายังประเทศเกิดใหม่มากขึ้น โดยประเทศไทยเป็นตัวเลือกหลักที่เงินทุนจะไหลเข้ามาเนื่องจากมีความพร้อมด้านพื้นฐานต่างๆ ทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะกลับมาเติบโตได้สูงถึง 40% และในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติไหลออกไปจำนวนมากด้วย
สำหรับการพักฐานของดัชนีตลาดหุ้นไทยแบบรุนแรงนั้นเชื่อว่าคงจะไม่มี หากว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังคงนิ่งอยู่ โดยแนะนำให้ลงทุนหุ้นที่จะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คือ ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ปิโตรเคมี และ ICT
"ปีนี้คาดหวังปัจจัยหนุนหลักๆจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการพัฒนาวัคซีนออกมา รวมไปถึงเงินทุนต่างชาติที่มีทิศทางไหลเข้าต่อเนื่องจากสภาพคล่องที่ยังคงล้นตลาดอยู่ และประเทศไทยถือว่าดัชนียังขึ้นมาไม่มากเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ไปหลายครั้งแล้วในปีที่ผ่านมา"นายไพบูลย์ กล่าว