บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ระบุว่า ในปี 64 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) รวม 28,000 ล้านบาทและยอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวม 20,660 ล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 11 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ (โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ, โครงการบ้านแฝด 2 โครงการ, โครงการทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ)
สำหรับสัดส่วนของยอดขายในปีนี้จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย ดังนี้ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 78%, ทาวน์เฮ้าส์ 13%, คอนโดมิเนียม 9%
ส่วนแผนการลงทุนปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 11,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะออกหุ้นกู้ 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่า ณ สิ้นปี 64 บริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 63 โดยจะมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยลดลงกว่าระดับเฉลี่ย ณ สิ้นปี 63 เล็กน้อย
LH ยังชี้แจวผลการดำเนินงานในปี 63 ว่า บริษัทเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่ารวม 28,620 ล้านบาท ลงทุนซื้อที่ดินมูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ขณะที่บริษัทได้ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.29% ต่อปี
ด้านบริษัท LHMH ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการอีก 1 โครงการ คือ โครงการ Grande Centre Point Lumpini บนที่ดิน 6-2-73.5 ไร่ ในรูปแบบ Mixed Use ประกอบด้วย โรงแรม 512 ห้อง อาคารสำนักงาน 13,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 4,830 ล้านบาทแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1/67
ขณะที่บริษัท LH USA ได้ขายโครงการอพาร์ทเมนท์ The Mode Residence ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในราคา 80.05 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,415 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 13.77 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 416 ล้านบาท
ในปี 63 บริษัทมีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 6,800 ล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย 4,600 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนในการพัฒนาโครงการ Shopping Mall-Terminal 21 จำนวน 900 ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอพาร์ทเมนต์ จำนวน 1,300 ล้านบาท
ฐานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นปี 63 บริษัทและบริษัทย่อยมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 47,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 92% และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3%
ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ตามจำนวนหลังในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค. 63 แบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว มีส่วนแบ่งตลาด 13.8% ,บ้านแฝด 23.3% ,ทาวน์เฮ้าส์ 5.7% และคอนโดมิเนียม 0.6%