นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัดหลังจากที่ขึ้นทดสอบแนว 1,550 จุดถึง 2 รอบแล้วยังไม่ผ่าน หากขึ้นทดสอบครั้งที่ 3 แล้วยังไม่ผ่านก็มีโอกาสปรับฐาน จึงต้องระวัง
ภาพโดยรวมของตลาดฯวันนี้ก็คงจะเป็นลักษณะของการแกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ดาวโจนส์แกว่งแคบ ต่างจับตาการเมืองในสหรัฐฯหลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว และจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯโดยนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันนี้เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ กล่าวเตือนว่า ตลาดหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐอาจปรับฐานอย่างรุนแรงในไม่ช้าหลังขึ้นไปมาก และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังมีอยู่ โดยทางฝ่ายวิจัย CGS-CIMB มองว่าสัปดาห์หน้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐาน หลังจากที่ดัชนีฯได้ขึ้นเกินเป้าหมายปีนี้ที่มองไว้ 1,520 จุด และยังเกินกว่าที่สมาคมนักวิเคราะห์ฯได้มองเป้าดัชนีฯปีนี้ไว้ที่ 1,559 จุด แม้สภาพคล่องยังมีอยู่มากแต่ก็เริ่มเห็นการสลับขายออกมาบ้างแล้วจากกองทุน
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มลดลง น่าจะเป็นการส่งสัญญาณบวกให้กับหุ้นในประเทศที่อาจมีการเก็งกำไรในวันนี้ และวันนี้เงินบาทกลับมาแข็งค่าก็ทำให้ต้องติดตามนักลงทุนต่างชาติจะยังกลับมาซื้อหรือไม่ ถ้ายังกลับมาซื้อตลาดฯก็ไม่ลงแรง ส่วนราคาน้ำมันเริ่มมีการปรับฐาน
พร้อมให้แนวรับ 1,542-1,532 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,562 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,060.47 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,809.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.65 จุด (+0.23%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,128.95 จุด เพิ่มขึ้น 56.52 จุด (+0.43%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.72 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 13.86 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 172.52 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ม.ค.) 1,547.31 จุด เพิ่มขึ้น 7.46 จุด (+0.48%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 110.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ม.ค.) ปิดที่ 52.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ม.ค.) อยู่ที่ 1.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.99 แข็งค่าจากวานนี้สวนทางภูมิภาค ให้กรอบระหว่างวัน 29.95-30.10
- คลัง เปิดเกณฑ์เยียวยา "เราชนะ" ตัดสิทธิคนรวย แรงงานนอกระบบเกษตรกรรายได้สูง งัดตรวจสอบรายได้จากฐานบัญชีเงินฝาก หวังเงินถึงผู้เดือดร้อนตัวจริง "สุพัฒนพงษ์" เผยจ่ายผ่านแอพแทนกดเงินสด "อาคม" แย้มเปิดคนละครึ่งเฟส 3 "ทีดีอาร์ไอ" แนะลดผู้เยียวยาให้น้อยลงจ่ายเงินช่วยต่อรายมากขึ้น
- ยานยนต์มั่นใจประสบการณ์รัฐรับมือโควิดระลอกใหม่ได้ ชี้ "วัคซีน" ช่วยควบคุมแพร่ระบาด-สร้างความมั่นธุรกิจ-ผู้บริโภคเดินหน้ารุกตลาดเต็มตัว ส่งรถใหม่เสริมดันยอดปี 64 โต รถยนต์คาดบวก 6% จักรยานยนต์ขยายตัว 1% จับตาทางเลือกใหม่ "อีวี" เตรียมรุกตลาดหลายรุ่น ทั้ง เอ็มจี เกรทวอลล์ เบนซ์ บีเอ็ม วอลโว่ อาวดี้
- ตลท.เผย เตรียมเฮียริ่งเกณฑ์ดูแลหุ้นสภาพคล่องต่ำ เร็วที่สุด ด้านผู้บริหารโบรกประสานเสียงหนุนปรับเกณฑ์ ด้าน "ไพบูลย์" ชี้อาจต้องนิยามฟรีโฟลตใหม่ ด้านบล.เคจีไอฯ แนะปรับการนับรวมการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่เหตุการเพิ่มสภาพคล่องหุ้นทำได้ยาก ด้านบล.เอเซีย พลัส เชื่อแรงเก็งกำไรหุ้นสภาพคล่องน้อยลดลง หลังก.ล.ต.จับตา
- สมาคมตราสารหนี้ฯ คาดปีนี้ไม่เกิดบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ แม้โควิดระบาดระลอกใหม่เหตุกลุ่มเสี่ยง "ไฮยิลด์บอนด์" 12 บริษัทได้ยืดหนี้ออกไปแล้ว ส่วนเม็ดเงินต่างชาติประเมินยังไม่เข้าลงทุนในตลาดบอนด์ไทย เหตุส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐขยับใกล้ไทย ส่วนยอดหุ้นกู้เอกชนปีนี้คาดอยู่ที่ 7-7.5 แสนล้านบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกร คาดโควิด-19 รอบใหม่หนุนลูกหนี้รายย่อยเข้าโครงการช่วยเหลือจากแบงก์พุ่ง จาก 23.5% ณ พ.ย.63 ที่ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือ 4 ล้านบัญชี หรือ 1.15 ล้านล้านบาท คาดเอ็นพีแอลสิ้นปีแตะ 3.53% จากปลายปี 63 ที่ 3.35%
- คมนาคม ประชุมทำแผน เคาะของบลงทุนปี 65 กว่า 3.24 แสนล้านบาท เดินหน้า 50 โครงการระบบขนส่งทั้งทางราง-บก-น้ำ-อากาศ แจ้งเกิด 'ศักดิ์สยาม' ให้ไทม์ไลน์ ส่งสำนักงบฯ 15 ม.ค. ชง ครม.ขออนุมัติ พ.ค.สั่งเคลียร์สัญญา 4-1 ทับซ้อนรถไฟฯ เชื่อม 3 สนามบิน ต้องจบ เม.ย.นี้
- ศูนย์วิจัย Krung thai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวที่ระดับ 2.5% พ้นจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นในปี 2563 ที่เศรษฐกิจหดตัว 6.5% โดยแม้ว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 จะกระทบการใช้จ่ายของภาคเอกชนอย่างมากในขณะนี้ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ แต่หากมาตรการที่ใช้อยู่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายใน 2-3 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 109.6 ล้านคน-ครั้ง ต่ำลงกว่าประมาณการเดิมที่ 131.8 ล้านคน-ครั้ง แต่ยังสูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 91.2 ล้านคน-ครั้ง อีกทั้งการเยียวยาโควิด-19 รอบสองของรัฐที่ออกมาจะมีส่วนช่วยในการลดผลกระทบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 64 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/63 เพิ่มขึ้นเป็น 6.9 พันล้านบาท +859%qoq และ +246%yoy กำไรการดำเนินงานเป็นบวก และมีกำไรจาก Stock gain, FX Gain รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุนในหุ้น GPSC
- SYNEX (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 18 บาท คาดกำไร Q4/63 +8% Q-Q, +47% Y-Y แข็งแกร่งแม้รายได้จะชะลอจากปีก่อนเพราะวันขาย iPhone ลดลง แต่ชดเชยจาก Margin ที่ขยายตัว แนวโน้มการเติบโตช่วง 3 ปีข้างหน้ายังสดใสจาก Mega Trend โดยเฉพาะ 5G หนุนความต้องการสินค้า IT ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปี 2564-2566 โต 12% CAGR
- TMB (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 1.25 บาท คาดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กระทบไม่มาก การช่วยเหลือรอบล่าสุดมีลักษณะ Selective เป็นรายๆไป อีกทั้ง Sector Rotation ในช่วงสั้นเม็ดเงินไหลเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่ม Cyclical Stock อย่างพลังงานและธนาคารอีกครั้ง พร้อมประเมินกำไรสุทธิเฉลี่ยใน ปี 2563-2564 ที่ 1 หมื่นล้านบาท และ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต +46%YoY, +5%YoY ตามลำดับ