"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (18-22 ม.ค.) เจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18 มกราคม 2564
เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (11-15 ม.ค.) SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,519.13 จุด ลดลง 1.13% จากสัปดาห์ก่อน ตอบรับกับแรงขายในหุ้นไซส์บิ๊กแคป ที่ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่ากำลังจะส่งสัญญาณเข้าสู่โหมดของการปรับฐานอีกครั้ง สะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์หลายสำนักที่คาดว่าในระหว่างสัปดาห์ มีโอกาสที่ดัชนีจะเสี่ยงปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,500 จุด จากที่เคยแรลลี่เป็นขาขึ้นตั้งแต่ทราบผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ทำให้คาดว่าส่วนหนึ่งของแรงขายในครั้งนี้น่าจะเกิดจากปรากฎการณ์ Sell On Fact ขานรับกับประเด็นที่นายโจ ไบเดน เตรียมเข้าสาบานตนอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันพุธที่ 20 ม.ค.นี้
ส่วนปัจจัยเชิงลบที่กลับมาปกคลุมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง จากการสำรวจมุมมองนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงพุ่งเป้าไปที่ประเด็นการเมืองในสหรัฐฯหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นแบล็กลิสต์เจ้าหน้าที่ของจีนและบริษัทขนาดใหญ่ของจีนหลายแห่ง โทษฐานเกี่ยวโยงกับกองทัพและพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งรวมถึงบริษัท เสียวหมี่ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนก็ติดร่างแหเข้าในบัญชีแบล็กลิสต์ในรอบนี้ด้วย ซึ่งเป็นการทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้กลายเป็นคำถามว่าชนวนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ในยุคของนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯคนที่ 46 จะเป็นอย่างไร
ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่มีผลลบกดดันต่อความเชื่อมั่นผู้ลงทุน นั่นคือผลกระทบที่กำลังสร้างความเสียหายต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในระลอกที่สอง ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำหลายสำนัก เริ่มทยอยออกมาทบทวนปรับลดประมาณการตัวเลข GDP เศรษฐกิจของไทยในปี 2564 ลงมาเหลือเติบโตต่ำกว่า 3% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียง 4% และจากตัวแปรทางเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใส ทำให้เป็นที่น่าจับตาว่าจะกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เตรียมรายงานผลประกอบการโค้งสุดท้ายของปี 2563 ในสัปดาห์นี้หรือไม่...
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินภาพรวม SET INDEX รอบสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับฐาน กรอบการเคลื่อนไหวมีแนวต้านอยู่ที่ 1,550 แนวรับ 1,500-1,480 จุด โดยเน้นกลยุทธ์ตั้งรับเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตได้ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในช่วงสั้น เช่น SCGP ,TVO ,KSL ,VNT เป็นต้น
"ผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเริ่มส่งสัญญาณสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักออกมาปรับลดประมาณการตัวเลข GDP ปีนี้ ฝ่ายวิจัยฯ "โนมูระ พัฒนาสิน" ปรับลดประมาณการ GDP แล้วเหลือ 2.8% และเชื่อว่ามุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทยที่คาดว่า GDP ปีนี้จะเติบโตประมาณ 3.2% น่าจะเห็นการทบทวนปรับลดประมาณการ GDP ในระยะถัดไป"นายกรภัทร กล่าว
ด้านธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 29.80-30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งมีจุดสนใจอยู่ที่พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ (20 ม.ค.) สัญญาณการระบาดของโควิด-19 ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนม.ค. 64 ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค. 63 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค. 63 ของไทย ผลสำรวจ PMI เบื้องต้นของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษในเดือนม.ค. 64 รวมถึงข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/63 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆเดือน ธ.ค. 63 ของจีนด้วยเช่นกัน
https://youtu.be/9pVUGnsp9Wg