นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ที คิว อาร์ (TQR) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ TQR ในวันนี้
ทั้งนี้ TQR มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60.00 ล้านหุ้น โดยเป็นการเพิ่มทุนจาก 170 ล้านหุ้นเป็น 230 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.09% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 1/64
TQR ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) โดยให้บริการจัดหาสัญญาประกันภัยต่ออย่างครบวงจร (Integrated Reinsurance Solution Provider) ตั้งแต่การให้คำปรึกษาแก่บริษัทประกันภัย (Cedant) เพื่อจัดหาสัญญาประกันภัยต่อที่เหมาะสมโดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่พิจารณาองค์ประกอบของสัญญาประกันภัยต่อที่สำคัญ อาทิ คำเสนอขอเอาประกันภัยต่อ (offer) ประเภทของงาน เงื่อนไขการเอาประกันภัยต่อ ข้อตกลงของสัญญาประกันภัยต่อและข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดหาสัญญาประกันภัยต่อที่ดีที่สุดแก่คู่ค้าของ TQR ทั้งบริษัทประกันภัย(Cedant) และบริษัทรับประกันภัยต่อ (Reinsurer) นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังร่วมวิเคราะห์และพัฒนาการประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับคู่ค้า
ตลอดจนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่จากต่างประเทศและนำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับธุรกิจประกันภัยของประเทศไทยและประสานงานให้คู่ค้าของบริษัทฯ สามารถตกลงทำสัญญาประกันภัยต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงทางธุรกิจของคู่ค้า ทำให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำประกันภัยต่อได้อย่างสมบูรณ์
นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ (Operational Efficiency Improvement Platform) การลงทุนพัฒนาแบบจำลองทางการเงิน (Financial Model) สำหรับธุรกิจการประกันภัย รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 60-62 บริษัทมีรายได้รวม 104.96 ล้านบาท 153.775 ล้านบาท 132.49 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 160.47 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 57.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ จากกลุ่มธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business)
ส่วนกำไรสุทธิสำหรับปี 60-62 บริษัทมีกำไรสุทธิ 23.62 ล้านบาท 32.88 ล้านบาท 44.04 ล้านบาทตามลำดับ โดยในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63 มีกำไรสุทธิ 68.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.22 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทในปี 55
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ มาจากรายได้หลักจากการให้บริการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อ โดยบริษัทฯ จะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของค่านายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Brokerage Fee) จากบริษัทรับประกันภัยต่อ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณกว่า 92.00% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทฯ