นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกันเล็กน้อย ตามดาวโจนส์ ตอบรับเชิงบวกจากพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ของนายโจ ไบเดน ทำให้ตลาดมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่น่าจะออกมาได้ในเดือนก.พ. ส่วนของโครงสร้างพื้นฐานน่าจะมีการพิจารณาในเดือนมี.ค.นี้ และ Dollar Index รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐ ก็ยังนิ่งๆ น่าจะทำให้ตลาดรีบาวด์ขึ้นได้
นอกจากนี้ ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ต่อไป ซึ่งงบฯแบงก์ที่ออกมาต่ำกว่าคาด จากการตั้งสำรองฯมากขึ้น สร้างความกังวลเกี่ยวกับหนี้เสีย อีกทั้งให้จับตารายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์ Free Float ใหม่ และการมีแนวคิดจะปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการคำนวณดัชนี จากเดิมที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการคำนวณ (Full Market Capitalization) เป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วย Free Float (Free Float Adjusted Market Capitalization) ซึ่งทำให้หุ้นในกลุ่ม SET50 และ SET100 อาจได้รับผลกระทบไปด้วยในการคำนวณดัชนี
ส่วนเรื่องการเปิดจองซื้อหุ้น OR จนทำให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ตลงทุนก็ยังเป็นปัจจัยที่ถ่วงตลาดอยู่
พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,188.38 จุด เพิ่มขึ้น 257.86 จุด (+0.83%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,851.85 จุด เพิ่มขึ้น 52.94 จุด (+1.39%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,457.25 จุด เพิ่มขึ้น 260.07 จุด (+1.97%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.83 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 187.15 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 10.69 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ม.ค.) 1,515.72 จุด ลดลง 6.87 จุด (-0.45%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,102.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ม.ค.) ปิดที่ 53.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ม.ค.) อยู่ที่ 1.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.92/96 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 29.85-30.05 ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
- ธนาคารโลกหนุนรัฐใช้มาตรการการคลังพยุงเศรษฐกิจลดผลกระทบภาคแรงงานที่จ้างงานลด รายได้หด ชี้พิษโควิดดันคนไทยจนเพิ่มขึ้นปีเดียว 1.5 ล้านคน มาที่ 5.2 ล้านคน ประเมินปีนี้จีดีพีโต 4% ภายใต้สมมติฐานโควิดระบาดไม่รุนแรง ด้านคลังจ่อเปิด "คนละครึ่ง" เฟส 3 กลางปีนี้
- "มอร์นิ่งสตาร์" จับตากระแสเงินไหลออกจากกองทุนแอลทีเอฟ หากตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง เผยยังมีก้อนครบกำหนด 5 ปี ค้างอยู่มานาน อาจทยอยขายกำไรออกมาหรือล็อกต้นทุน พร้อมเตือนบลจ.ออกทริกเกอร์ฟันด์สร้างพฤติกรรมลงทุนไม่ดีแก่นักลงทุน ควรเน้นลงทุนระยะยาว ขณะที่นักลงทุนอาจได้ผลตอบแทนต่ำเป้า ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนปีนี้คาดฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อนวูบ 6.5% แตะ 5 ล้านล้านบาท
- ฟิลิปปินส์ จ่อตัดสิทธิสินค้าไทย 37 กลุ่ม กระทบมูลค่าการค้ากว่า 1.78 หมื่นล้านบาท ตอบโต้ปมภาษีนำเข้าบุหรี่ ยกเหตุไทยไม่ยอมทำตามคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอ ยืดเยื้อกว่า 12 ปี สะเทือนการส่งออกบุหรี่ของฟิลิปปินส์
- ส.อ.ท.ตั้งเป้าปี 64 ยอดผลิตรถยนต์ฟื้นอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน สูงกว่าปีก่อน 5.12% ที่ผลิตได้ 1.42 ล้านคัน หลังโควิด-19 ฉุดยอดผลิตวูบ หลายประเทศเจ็บหนัก
- ส.อ.ท.เตรียมหารือกับ ธปท.วันที่ 22 ม.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางปลดล็อกเงินซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท ที่ปล่อยได้เพียง 1.2 แสนล้านบาท จ่อเสนอ 5 ประเด็นเพิ่มเติมจากข้อเสนอของกมธ.พร้อมแนะสถาบันการเงินลดดอกเบี้ยเงินกู้ 1% ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังต้นทุนทางการเงินต่ำลง หนุนเปิดคนละครึ่งเฟส 3 ช้อปดีมีคืน
*หุ้นเด่นวันนี้
- NOBLE-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 342,346,246 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 8.00 บาท/หุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับจากวันที่ออก (13 ม.ค.64) ใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 มิ.ย.65 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 12 ม.ค.67
- BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 146 บาท คาดงบ Q4/63 โต qoq สูงสุดของกลุ่ม และคาดว่าจะถูกปรับเพิ่มในการคำนวณดัชนี SET50/100 มากสุด จากเกณฑ์ใหม่ที่ ตลท. เสนอให้ใช้ Free float ถ่วงน้ำหนักในการคำนวณดัชนี
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 คาดยังแข็งแกร่ง +33% Y-Y จากรายได้เงินสดที่ทยอยฟื้นตัวและ High Season ที่อยู่ในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนประกันสังคมยังคงแข็งแกร่งและได้แรงหนุนจากบริการ ASQ และ HQ พร้อมประเมินกำไรปี 2563 มี Upside 3-5% จากปัจจุบันที่คาด +6% Y-Y ส่วนปี 2564 คาดโตในอัตราเร่ง +12% Y-Y รวมถึงได้ประโยชน์จากวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาใช้บริการในระยะถัดไป