นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ยังคงคาดการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ ดูไบ ในปีนี้ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังนายโจ ไบเดน เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว และมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน (Renewable) ซึ่งก็น่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง และส่งผลต่อตลาดการผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil) และการผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน (shale gas) ในสหรัฐอเมริกาหลังจากนี้อาจจะไม่สดใสมากนัก
อย่างไรก็ตามมองว่าราคาน้ำมันในปีนี้จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และไม่ผันผวนเหมือนปีที่ผ่านมา ภายใต้เงื่อนไขการมีวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ชัดเจนในทางบวกมากขึ้น กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจโลกค่อย ๆ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์ในประเทศมองว่าขณะนี้ยังทรงตัวและรัฐบาลยังดูแลได้ดี แม้ทางการจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์จนอาจกระทบต่อตลาดน้ำมันบ้าง แต่ ปตท.ก็จะยังรอประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะมีการปรับแผนงบลงทุนในปีนี้หรือไม่ แต่เบื้องต้นก็ได้จัดทำคาดการณ์ทั้งในส่วนของกรณีฐาน กรณีแย่สุด ไว้แล้ว ทำให้เชื่อว่าจะสามารถปรับตัวรองรับได้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นไปในรูปแบบใด
"Renewable จะได้รับการส่งเสริมมากขึ้น ส่วนราคาน้ำมันมองได้ 2 มุม พอเข้าไปส่งเสริม Renewable วิธีที่ทำคือ 1. Subsidize หรือ 2. เก็บ TAX ฟังแล้วเหมือนไบเดนจะไปเก็บ TAX ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันสูงขึ้น การผลิตน้อยลง เพราะสู้ไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันดีมานด์ก็น้อยลงด้วย ธุรกิจ shale oil , shale gas ในอเมริกาก็จะไม่ค่อยสดใส ทำให้ซัพพลายหายไปส่วนหนี่ง แต่ขณะเดียวกันดีมานด์อเมริกาก็หายไปด้วยเพราะไปส่งเสริม Renewable แทน"นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐของบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ที่จะใช้ shale gas เป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้น ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการทบทวนศึกษาโครงการ และเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อให้เข้ามาร่วมลงทุน หลังจากที่ Daelim Industrial Co.,Ltd. (DAELIM) พันธมิตรจากเกาหลีใต้ ได้ถอนตัวออกไป
ส่วนกรณีสหรัฐได้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล ซึ่งจะส่งทรายน้ำมัน (oil sand) จากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังรัฐเนแบรสกาของสหรัฐนั้น เชื่อว่าโครงการดังกล่าวคงไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการออยล์แซนด์ ในแคนาดา ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เนื่องจากโครงการออยล์แซนด์ไม่ได้มีการลงทุนอะไร และอยู่ระหว่างการบริหารจัดการที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน PTTEP ก็ได้ปรับตัวด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ลงมาอยู่ที่ระดับ 28-29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมอยู่ที่กว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อนึ่ง PTTEP เคยระบุถึงโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันในแคนาดา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตสูง โดยกำลังพิจารณาระหว่างหาผู้ซื้อ หรือคืนแปลงสำรวจให้กับรัฐบาล