ทั้งนี้ บาฟส์มองเห็นถึงโอกาสเติบโตของธุรกิจดิจิทัลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกที่เป็นตัวแปรสำคัญที่เร่งให้เกิด Digital Transformation หรือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของธุรกิจมากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งขององค์กรในการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 และวิกฤติอื่น ๆ จึงได้ลงทุนผ่าน BID โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็น 70 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน BID ในการรุกธุรกิจดิจิทัลโซลูชันอย่างครบวงจร ตอบสนองความต้องการของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการปรับโครงสร้างองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Digital Transformation อย่างจริงจัง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจอื่นภายใต้กลยุทธ์เพื่อการเติบโต (Growth Strategy) ของ BAFS Group
ด้านนายกฤษณ์ มดิศร Chief Executive Officer บริษัท บาฟส์ อินโนเวชั่น ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า BID เปิดตัวบริการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ได้แก่ บริการ Blockchain-as-a-Service (BaaS) แห่งแรกของประเทศไทย โดยร่วมกับ Sapio Asia ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Blockchain ระดับโลก จัดตั้งบริษัท SDLT จำกัด เพื่อให้บริการธุรกิจ BaaS สำหรับหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน บริการระบบเทคโนโลยีเพื่อบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ BCMS+ (Business Continuity Management System) สนับสนุนการบริหารจัดการให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานอย่างต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับวิกฤติต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน BID ให้บริการกับบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งครอบคลุมทั้งสำนักงานใหญ่ และท่าอากาศยานทั่วประเทศ
บริการระบบ E-ISO (Electronic-ISO) สนับสนุนการบริหารจัดการตามระบบคุณภาพ ISO ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารความเสี่ยง (RMS) ทั้งในระดับองค์กร และระดับกระบวนการ บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการออกแบบ ติดตั้ง และให้การสนับสนุนบำรุงรักษาอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ ที่เกี่ยวข้องกับการวางโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบเครือข่ายภายใน บริการระบบบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ทำให้งานบริหารจัดการความยินยอม ความต้องการลบข้อมูล และข้อกำหนดอื่น ๆ ของ PDPA มีประสิทธิภาพและสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับเจ้าของข้อมูลและหน่วยงานหรือบริษัทที่ต้องการนำข้อมูลไปใช้งาน
ตลอดจนบริการระบบบริหารงานให้บริการน้ำมันอากาศยาน (Intelligent Refuelling Information System: IRIS) และระบบบริหารน้ำมันคงคลัง (Fuel Inventory Management System: FIMS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายของงานให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน และการจัดทำบัญชีน้ำมัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ BAFS และผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรายอื่นที่สนใจ
"การนำเทคโนโลยี Digital Transformation มาประยุกต์ใช้ เช่น AI และ Blockchain ควบคู่กับการนำหลัก Design Thinking มาช่วยวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการอย่างแท้จริงของหน่วยงาน จะช่วยลดภาระงานและความผิดพลาดในการทำงาน รวมทั้งสนับสนุนการตัดสินใจหน้างานเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความถูกต้อง แม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างคุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้า พร้อมสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจให้ทัดเทียมกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้"นายกฤษณ์ กล่าว