นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้นกู้ CPF สนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่าจำนวนที่บริษัทตั้งเป้าเสนอขาย ทำให้บริษัทตัดสินใจนำหุ้นกู้เพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมมาใช้ รวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ลงทุนที่มีต่อการดำเนินงานธุรกิจของซีพีเอฟ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น "ครัวของโลก" และยังเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมระดับโลก
ด้านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ฯ ซีพีเอฟ ในครั้งนี้ ระบุว่าต้องยอมรับว่าสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ผู้ลงทุนยังคงมีความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และเป็นหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความมั่นคงด้านฐานะการเงิน เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม และมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโต ซึ่งหุ้นกู้ฯ "ซีพีเอฟ" สามารถตอบสนองความต้องการและเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการลงทุน
ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังมีความสนใจลงทุนในธุรกิจที่เน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการที่ "ซีพีเอฟ" เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนชั้นนำของโลก เช่น Dow Jonses Sustainability Indices (DJSI) MSCI ESG Index และ FTSE4Good Index เป็นการตอกย้ำว่าซีพีเอฟดำเนินงานบนหลักธรรมาภิบาลที่ดี บริหารจัดการกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตด้วยความใส่ใจในสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของซีพีเอฟ เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้แล้ว ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทางซีพีเอฟยังมีส่วนช่วยเหลือสังคม เช่น การช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ SMEs การร่วมมือกับภาครัฐรับสมัครงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง และการส่งอาหารเพื่อช่วยเติมกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้การเสนอขายหุ้นกู้ฯ ซีพีเอฟ ประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย