หุ้น CPN ราคาวิ่งขึ้น 4.02% มาอยู่ที่ 51.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 401.04 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.35 น. โดยเปิดตลาดที่ 50.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 52.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 50.25 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ถึงหุ้นบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ซึ่งมีราคาเป้าหมาย Consensus ที่ 59 บาท โดยคาดเห็นการฟื้นตัวของรายได้ค่าเช่าอย่างต่อเนื่องจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่น้อยลง หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และคาดว่า Margin ในปี 2564 จะใกล้เคียงปี 2563 โดยที่ Traffic ส่วนใหญ่ยังคงเป็น Domestic Demand ขณะที่การฟื้นตัวของกลุ่มการท่องเที่ยวที่ล่าช้าจะยังกดดันผลประกอบของห้างสรรพสินค้าในบางทำเล ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คาดว่ารายได้จะสามารถเติบโตได้ตามการเปิดโครงการใหม่
CPN ยังคงตั้งเป้าการเติบโต CAGR ของรายได้ที่ 10% ต่อปี โดยการเติบโตจะมาจากลงทุนเพิ่ม โดยมีงบการลงทุน 5 ปีอยู่ที่ 1.21 แสนล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่เช่าในกลุ่มของค้าปลีกเป็น 2.4 ล้านตร.ม. จาก 1.9 ล้านตร.ม. โดยที่ในปี 2564 จะมีห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ Central Plaza อยุธยา และ Central Plaza ศรีราชา โดยกลุ่มลูกค้าหลักของ 2 แห่งนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่
นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่เช่ากลุ่มอาคารสำนักงานจาก 320,000 ตร.ม. เป็น 400,000 ตร.ม. จากโครงการอาคารสำนักงานที่ Dusit Central Park และวางแผนเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยปีละ 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาท โดยโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียม คาดว่าจะเปิดขายในพื้นที่ที่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าในเครือ และการเพิ่มโครงการแนวราบราว 1-2 โครงการต่อปี จากที่ Demand ของที่อยู่อาศัยกลุ่มแนวราบเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2563
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น CPN ให้ราคาเหมาะสมที่ 67 บาท ประเมินกำไรปกติปี 2564 ที่ 9.7 พันล้านบาทเติบโต 32.4% YoY ฟื้นตัว ในทิศทางเดียวกันกับรายได้ที่ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% YoY ได้แรงหนุนจากธุรกิจศูนย์การค้าที่ฟื้นภายหลังจากสถานการณ์โควิด ระลอก 2 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกรณีการนำวัคซีนมาใช้และได้ผล คาดเห็นการฟื้นตัวในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวและกำลังซื้อเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 64
CPN คาดผลกระทบจากโควิด-19 รอบ 2 จะไม่มากเหมือนช่วงแรกที่ผ่านมา โดยมีการปิดสาขา 3 แห่ง ที่ จ.สมุทรสาคร จ.ระยอง และที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งต่างจากผลกระทบในช่วงแรกที่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดย บริษัทมีความเตรียมพร้อมเพื่อรองรับเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งให้กับผู้เช่าและผู้มาใช้บริการ ยังคงสามารถบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรได้
ลูกค้าที่มาเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า ยอด Traffic ราว 87-92% ของผู้ใช้บริการในช่วงปกติ ในเดือน ต.ค-พ.ย เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 3/63 ที่มีผู้ใช้บริการราว 85%-90% ของระดับปกติ ขณะที่ในช่วงเดือนธ.ค. จำนวนผู้ใช้บริการจะได้รับกระทบบางส่วนจากการระบาดของ โควิด-19 รอบ 2
ขณะที่ส่วนลดพื้นที่เช่าในช่วง ต.ค.-พ.ย. ปี 2563 ทางบริษัทให้ส่วนลดพื้นที่ราว 25% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ให้ส่วนลดค่าเช่าราว 30%