ดัชนีหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดกลาง ถึงหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้น BBL ที่ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่บางตัวอย่าง KBANK และ SCC ช่วยพยุงภาพรวมการลงทุนได้บ้าง
เมื่อเวลา 11.02 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,502.63 จุด ลดลง 10.88 จุด (-0.72%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.19 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,503.77 จุด ลดลง 9.74 จุด (-0.64%)
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลง 110 จุด ซึ่งมีการมองกันว่าตลาดจะปรับฐานหลังจากที่นายโจ ไบเดน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยหนุน และตลาดได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วด้วย
โดยตลาดบ้านเรา Valuation ตึงตัว เทรด Forward P/E แถว 22-23 เท่า ถือว่าไม่ถูกแล้ว และทางฝ่ายวิจัยก็ได้มองเป้าหมายดัชนีฯปีนี้ไว้ที่ 1,520 จุด ขณะที่สมาคมนักวิเคราะห์ฯมองเป้าหมายดัชนีฯปีนี้ไว้ที่ 1,559 จุด แสดงให้เห็นตลาดตึงตัว
นอกจากนี้ เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ของตลาดฯที่จะนำออกมาใช้นั้น สร้างความกังวลให้กับหุ้นในบางตัวที่อาจถูกปรับลดน้ำหนักลง อย่างหุ้น DELTA, AOT เป็นต้น จึงเป็นแรงกดดันให้กับตลาดด้วย อย่างไรก็ดีทางการเริ่มปลดล็อกบางกิจการหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศดีขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯได้บ้าง และตัวเลขส่งออกของไทยที่ประกาศออกมาก็ถือว่าดีกว่าคาด
พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,512-1,518 จุด