นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 64 จะเติบโตมากกว่า 15% และกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตไปตามรายได้ เนื่องจากการเข้ามาถือหุ้นของพันธมิตรใหม่ คือ บริษัท โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (TTTH) จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งใน 2 ด้าน ได้แก่ การขยายฐานลูกค้า เนื่องจาก TTTH ให้บริการในอุตสาหกรรมค่อนข้างหลากหลาย บริษัทจึงตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในปีนี้เพิ่มอีก 5-6 ราย จากปกติจะขยายเพียง 2-3 ราย โดยปัจจุบันที่มีลูกค้าจำนวน 40 ราย
นอกจากนี้ TTTH ยังช่วยเสริมในด้านเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์เข้ามาใช้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกมากขึ้น เช่น การติดต่อสื่อสาร (Connectivity) ระหว่างพนักงานขับรถ รถโดยสาร ศูนย์ควบคุม และผู้โดยสาร ให้สามารถมองเห็นกันและกันได้ อย่างแอพพลิเคชันดิลิเวอรี่ และเพิ่มการบริการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 1/64 อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีการแบ่งปัน (Sharing) หรือการใช้รถขนส่งสาธารณะร่วมกันเช่น ที่นั่งในรถรับส่งบริษัทหนึ่งเหลือก็สามารถแชร์กับอีกบริษัทหนึ่งเพื่อรับเพิ่มได้
"หลังจากที่เรามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เราก็จะเห็นในเรื่องของการเดินรถ ที่คาดว่าจะสามารถลดจำนวนการเดินรถเที่ยวเปล่าลงได้ ซึ่งจะช่วยให้เรามีต้นทุนที่ลดลง ขณะที่การขยายตลาดในพื้นที่เดิมก็จะช่วยให้ Economic Of Scale เราเด่นชัดมากขึ้น" นายปิยะ กล่าว
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 ม.ค.64 มีมติออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 65 ล้านหุ้น เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) คือ TTTH ที่ราคาหุ้นละ 0.99 บาท คิดเป็นมูลค่า 64.35 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ TTTH เข้ามาถือหุ้นในบริษัทสัดส่วน 9.53% โดยจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 24 ก.พ.64 คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือน มี.ค.64
ทั้งนี้ TTTH มีบริษัทย่อยอยู่ค่อนข้างมากที่ดำเนินงานให้บริการต่างๆ กับโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ โลจิสติกส์ พัฒนาบุคลากร เป็นต้น ทำให้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจผู้ให้บริการรถโดยสารขนส่งบุคลากรระหว่างแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชน ไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการ โดยเฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ของ ATP30 ให้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับการให้บริการรถโดยสารฯ ในภาวะการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากลูกค้าหลักเป็นพนักงานสายการผลิต แต่จะได้รับผลดีจากการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ทำให้มีความต้องการรถโดยสารเพิ่มขึ้น เช่น ปกติรถโดยสารฯ จะนั่งได้ 40 คน แต่เมื่อมีโควิด-19 ก็จะต้องปฎิบัติตามระเบียบการเว้นระยะห่าง ทำให้จำนวนที่นั่งลดลงเหลือ 20 คน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีแผนที่จะเพิ่มรถโดยสารฯ ในปีนี้อีก 60 คัน เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว วางงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 210 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีการซื้อรถใหม่เข้ามาแล้วจำนวน 20 คัน