นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือมีรายได้ราว 2,400-2,500 ล้านบาท โดยคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) จะเติบโต 1-2% แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ดีนัก แต่สินค้าที่บริษัทวางขายในสาขาต่างๆ ถือว่าเป็นสินค้าจำเป็นในการบริโภค และเน้นกลุ่มลูกค้าหลักเป็นประชาชนในพื้นที่ที่สาขาตั้งอยู่ อาทิ กลุ่มของใช้ในครัวเรือน กลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทมองว่าภาครัฐจะยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามโครงการ "เราชนะ" ซึ่งจะมีผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ได้รับการเยียวยาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะนำสิทธิไปใช้ผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งบริษัทอยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการร้านค้าดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการกลับมาทำงานที่บ้านในช่วงป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโครงการ Work From Home และมีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ตกงานแล้วกลับมาพักที่บ้านเกิด โดยบริษัทจะพยายามหาสินค้าใหม่เข้ามาขายเพื่อรองรับกับความต้องการผู้บริโภคเพิ่มเติมหลายรายการ ทั้งสินค้ากลุ่มอาหาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสาร เครื่องปรุงรส เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องบริโภคทุกวัน รวมไปถึงสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทวางงบไว้ราว 100 ล้านบาทเพื่อใช้ขยายสาขา 5 แห่ง ขนาดแห่งละ 1,000 ตารางเมตรในพื้นที่ 3 จังหวัดที่ปัจจุบันมีสาขารวมอยู่ 32 สาขา คือ จังหวัดเชียงราย 26 สาขา จังหวัดพะเยา 4 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา
"ในช่วงนี้กังวลได้แต่อย่ากลัวว่าจะทำอะไร เพราะในความกลัว ในวิกฤตมักมีโอกาสเสมอ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นให้ดีที่สุด ซึ่งการขยายสาขาในช่วงนี้เราได้ประโยชน์ทั้งเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง ต้นทุนที่ดิน รวมไปถึงระยะเวลาการก่อสร้างที่รวดเร็งยิ่งขึ้น"นางอมร กล่าว