CPF คาดปีนี้มีกำไรโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้นในH2/50

          บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) คาดปีนี้จะมีกำไรอย่างต่อเนื่อง และยอดขายมีอัตราเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปี 49 จากในช่วงครึ่งปีหลังราคาเนื้อสัตว์ในประเทศและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น 
          ทั้งนี้ปี 49 CPF มีกำไรสุทธิที่ 2.5 พันล้านบาท รายได้ 1.27 แสนล้านบาท  และในงวด 6 เดือนแรกปี 50 มีรายได้ 6.5 หมื่นล้านบาท แต่มีขาดทุน 180.27 ล้านบาท 
          นายอดิเรก  ศรีประทักษ์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์ราคาสินค้าเนื้อสัตว์ในประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่มีราคาค่อนข้างต่ำในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา   
          โดยไก่เนื้อมีราคาที่กิโลกรัมละ 35-36 บาท  จากที่เคยตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 20 บาท  ด้านเนื้อสุกรก็มีราคาขึ้นมาที่กิโลกรัมละ 46-47 บาท  จากกิโลกรัมละ 30-33 บาท  และไข่ไก่ ขยับราคามาอยู่ที่ฟองละ 2.20 บาท  จากราคาฟองละ 1.70 บาท  
          "จากการปรับลดผลผลิตให้มีปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น  ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อยู่ในเกณฑ์แจ่มใส"นายอดิเรก กล่าว 
          ขณะเดียวกัน ราคาเนื้อสัตว์ในต่างประเทศ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป ซึ่งประสบปัญหาวัตถุดิบมีราคาสูง  ทำให้มีการเลี้ยงน้อยลง  ราคาเนื้อสัตว์จึงขึ้นสูงมากเช่นกัน
          นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่บริษัทไปลงทุนในต่างประเทศ ก็มีผลการดำเนินงานที่ดี เช่น ตุรกี ธุรกิจไก่เนื้อได้กลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากมีการปรับตัวจากสถานการณ์ไข้หวัดนกเมื่อปีก่อนๆ, มาเลเซีย ก็มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา, ในอินเดีย  CPF ก็เป็นผู้นำการผลิตอาหารกุ้ง ขณะที่ธุรกิจสัตว์บกก็จะมีโครงการขยายไปอีก จึงน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 
          ส่วนค่าเงินบาทแข็งตัว บริษัทรับกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะได้มีการบริหารด้านสกุลเงิน และยังได้รับประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบแล้ว บริษัทยังสามารถขอปรับราคาสินค้าส่งออกกับลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอีกด้วย