HILITE: HMPRO บวก 2.80% ราคา Laggard กว่ากลุ่มค้าปลีก-เล็งกำไร Q4/63 ดีสุดของปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 26, 2021 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น HMPRO ราคาขยับขึ้น 2.80% มาอยู่ที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 306.58 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.06 น. โดยเปิดตลาดที่ 14.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 14.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 14.40 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"เก็งกำไร"หุ้นบมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) คงประมาณการกำไรปกติปี 2564 คาดจะมีกำไรปกติ 5.4 พันล้านบาท เติบโต 9.4% YoY ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 16.40 บาท อ้างอิง วิธีการ DCF (WACC ที่ 6.1%) ยอดขายและมาร์จิ้นจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่มองปัจจัยหนุนหลักจาก วัคซีนสามารถใช้ได้ผล และสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลายและการติดเชื้อยังคงอยู่ในพื้นที่จำกัด ขณะที่การปรับขึ้นของราคาตลาดของ HMPRO ถือว่า Laggard กว่ากลุ่มค้าปลีกที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน YTD ราคา DOHOME +22.8% และ GLOBAL +14.7% ขณะที่ระดับราคาของ HMPRO ปรับเพิ่มเพียง 2.2%

ไตรมาส 4/63 คาดกำไรดีสุดของปี โดยคาด HMPRO จะมีกำไรปกติ 1.4 พันล้านบาท (+5%QoQ,-16%YoY) เติบโตรายไตรมาส ได้แรงหนุนจากระดับมาร์จิ้นที่ปรับดีขึ้นเป็น 27.8% เมื่อเทียบกับ 27.2% ใน (ไตรมาส 3/63) แต่เมื่อเทียบกับรายปีจะทำได้น้อยว่า ส่วนหนึ่งจากการขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น เป็นผลจากนโยบาย "ช้อปดีมีคืน" ของภาครัฐ ซึ่งไม่ใช่สินค้า Private Brand ขณะที่ผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากฤดูฝนที่ยาวนาน และโควิด-19 ในช่วงท้ายของปี ทำให้มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท (+1%QoQ,-4%YoY) การลดลงรายปี(YoY) เกิดจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 4/62) ยังไม่มีจากผลกระทบโควิด-19 ที่ชัดเจน ซึ่งหากเป็นไปตามคาด จะทำให้ผลประกอบการปี 2563 จะมีกำไรสุทธิราว 5.1 พันล้านบาท ดีกว่าที่ประมาณการราว 3-4%

ในไตรมาส 1/64 มองว่าผลกระทบของ โควิด-19 ยังมีอย่างจำกัดการล็อกดาวน์ในพื้นที่กำหนดมีเพียง 3 แห่งคือ HMPRO และ Mega home อย่างละ 1 แห่ง ในจ.ระยอง และ HMPRO 1 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่คุมได้ แต่จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพื่อเน้นระยะห่างและความปลอดภัย ทำให้ยังเห็นการ WFH หรือการเปลี่ยนระยะเวลาในการทำงานที่แตกต่างกัน มองว่าการปรับภูมิทัศน์ภายในที่อยู่อาศัยยังอยู่ในความสนใจ ประกอบกับการใช้ระบบการสั่งสินค้าในรูปแบบ Online จะยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนช่วยหนุนกำลังซื้อ

แม้ว่าผลกระทบจาก โควิด-19 จะทำให้ SSSG ในปี 2563 จะเป็นลบ ราว 8-9% (คาด SSSG ในไตรมาส 4/63 ยังคงมีผลติดลบที่ระดับ 6-7% YoY) อย่างไรก็ดีในปี 2564 คาดจะเห็น SSSG เริ่มพลิกกลับเป็นบวกได้เบื้องต้นคาด +3-4%YoY ส่วนหนึ่งจาก 1) มาตรการภาครัฐในการผลักดันงบประมาณต่าง ๆ ที่หนุนกำลังซื้อเช่นเพิ่มเม็ดเงินในตลาด 2) การล็อกดาวน์เลือกเฉพาะบางพื้นที่ ทำให้ผลกระทบในการปิดสาขาไม่รุนแรงเหมือนในปี 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ