โบรกฯมอง AMATA ราคาสะท้อนเป้ายอดขายที่ดินใหม่ไปแล้ว-โอกาสพลาดเป้ายังมี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 4, 2007 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ขายทำกำไร"หุ้น AMATA หรือ"ซื้อ"เมื่อราคาอ่อนตัว เพราะแม้ว่าจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นสำหรับผลการดำเนินปี 50-51 หลังจากผู้บริหารมั่นใจปีนี้ขายที่ดินได้สูงขึ้นเป็น 1.2-1.3 พันไร่ แต่ตลาดตอบรับในเชิงบวกไปมากแล้ว และมองยังมีโอกาสพลาดเป้าหมาย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 16.38
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ขาย 13.70
บล.เอเซีย พลัส ขาย 12.59
บล.กสิกรไทย ขาย 15.35
บล.ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 15.00
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น"ซื้อ"สำหรับ AMATA เพราะมองแนวโน้มดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกขายที่ดินได้ 378 ไร่ และขณะนี้มีลูกค้าหลายรายลงนามใน letters of intent(LOI)ที่แสดงความประสงค์ที่จะซื้อเพิ่ม ทำให้ผู้บริหารมั่นใจว่าทั้งปีจะตั้งเป้าขายที่ดินเป็น 1,200-1,300 ไร่
แต่ฝ่ายวิจัยประมาณการให้แค่ 800 ไร่ หากคิดจากครึ่งปีแรกที่ได้ 378 ไร่ และปีหน้าจึงปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ไร่
"ประมาณการของเราอิงตามปี 51 โดยปรับคาดการณ์กำไรปี 51 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20% จากตอนแรกประมาณการกำไรน้อย แต่พอปรับเป็น 1,200 ไร่ กำไรจึงเพิ่มขึ้น จึงเปลี่ยนจากขายเป็น"ซื้อ"เพราะมองแนวโน้มปีหน้าน่าจะดีขึ้นหลังจากการเมืองชัดเจนมากขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 16.38 บาท ใช้ PE ปี 51 ที่ 15 เท่า คาดการณ์เงินปันผลปี 51 มีผลตอบแทน 4.7%" นายสมบัติ กล่าว
น.ส.ธนินี สถิรเรืองชัย นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) แนะขาย จากก่อนหน้านี้มีการปรับเป้าขายที่ดินเป็น
1,200 ไร่ และล่าสุดผู้บริหารมั่นใจว่าจะทำได้ แต่เรามองว่าที่บริษัทขายที่ดินไปมีการลดราคามาก จึงมองว่าถึงแม้ปริมาณของที่ดินที่ขายมากก็จริง แต่รายได้อาจจะไม่ดีนัก
ผู้บริหารค่อนข้างจะส่ง signal แบบ positive แต่เราก็แนะให้รอดูไว้ก่อน โดยประเด็นที่ดินที่บริษัทคาดว่าจะขายได้ในครึ่งปีหลังซึ่งได้ลงนาม LOI แล้ว มองว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่มีข้อผูกมัดตามกฎหมาย ไม่ได้ชัดเจนว่าจะขายได้จริง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส แนะขายเช่นกัน เพราะราคาเทรดถือว่าสูงกว่า fair value และราคา 12.59 บาท ให้ PE 12 เท่าที่เป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำซื้อ แต่ควรจะรอให้ราคาอ่อนตัวลงมามากกว่านี้
ส่วนที่บริษัทปรับเป้ายอดขายขึ้นใหม่ได้สะท้อนเข้าไปในประมาณการแล้ว เมื่อใช้วิธีการ PE
บทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ประเมินประเด็นความมั่นใจของการขายที่ดินในปี 50 โดยมีลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ คูโบต้า จำนวน 200 ไร่ เป็นปัจจัยบวกในช่วงสั้น แต่หากพิจารณาถึงปริมาณขายอีก 500-600 ไร่ที่จะต้องทำให้ได้เพิ่มบรรลุเป้าหมาย 1,200-1,300 ไร่ AMATA จะต้องมีลูกค้ารายใหญ่ขนาดมากกว่า 100 ไร่อีกหลายราย การพลาดเป้าอีกครั้งจึงยังมีความเป็นไปได้
ส่วนกำไรจากการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเป็น one-time transaction เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มั่นใจว่า AMATA จะสามารถพัฒนาโรงงานให้เช่าเพิ่มขึ้นปีละ 50,000 ตารางเมตรเพื่อทำให้กำไรในส่วนนี้มีความต่อเนื่องได้ เนื่องจากข้อจำกัดการกระจายตัวของโรงงานมีอยู่เพียงในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะเท่านั้น ประกอบกับการที่ AMATA ถือหุ้น 49% จึงรับรู้กำไรได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
แม้ว่าจะมีมุมมองที่เป็นบวกที่มากขึ้นสำหรับผลการดำเนินงานในปี 50 เนื่องจาก AMATA แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขายที่ดินให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ แต่ยังเห็นว่าตามสมมุติฐานของเราการขายที่ดินในปี 50 ที่ 900 ไร่ ยังมีความสมเหตุสมผลในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงยังคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 50 ไว้ตามเดิม โดยเห็นว่าประเด็นบวกข้างต้นจะเป็นโอกาสในการซื้อเก็งกำไรสำหรับผู้ที่ยังไม่มีหุ้น และเป็นโอกาสในการขายทำกำไรสำหรับผู้ถือหุ้น เนื่องจากคาดว่าตลาดจะมีการตอบรับข่าวเชิงบวกข้างต้น
ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำขายโดยประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 51 ที่ 15.35 บาท อิงจาก P/E เฉลี่ยในอดีตที่ 16 เท่า
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด คาดว่า โดยรวมทั้งปี 50 AMATA มีรายได้รวม 4,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%YoY โดยอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างทรงตัว และมีกำไรสุทธิเติบโต 13%YoY ปัจจุบัน AMATA ซื้อขายกัน ณ ระดับ P/E เท่ากับ 17x ของกำไรต่อหุ้นปี 50 ประเมินราคาเป้าหมายโดยอิงจากค่า P/Eที่ระดับ 18x จากที่แนวโน้มการรับรู้รายได้ได้น้อยกว่าที่คาดไว้แม้จะมีแนวโน้มขายที่ดินได้ดี ซึ่งจะได้ราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น ซึ่งมี Upside gain เพียง 6% จึงแนะนำเพียง “ซื้อเก็งกำไร"
ความเสี่ยง คือ แม้ว่าการลงทุนดูเหมือนเริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีประเด็นทางการเมืองที่ยังต้องกังวลอยู่ และการลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็นการขยายการผลิตจากการลงทุนเดิมของนักลงทุนญี่ปุ่น ส่วนการลงทุนใหม่ๆจากประเทศตะวันตกยังน้อยอยู่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ