นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจคอมเมิร์ซ จำนวน 4,000 ล้านบาท และธุรกิจสื่อและบันเทิง จำนวน 1,700 ล้านบาท ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 50-52%, อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12-14% จากการดำเนินกลยุทธ์ใน 4 แกนหลัก ได้แก่ การต่อยอดจากจุดแข็ง, ก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ , การเติบโตจากการบริหารสินทรัพย์หรือคอนเท้นท์ และการทำ M&A ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ในปีนี้
ทั้งนี้ ธุรกิจคอมเมิร์ซ แบ่งเป็น อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) คาดมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่ในช่องทาง Inbound ทั้งช่อง 8 ช่องทีวีดิจิทัลพันธมิตร และช่องทีวีดาวเทียม เติบโต 30% จากเดิมที่มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย คาดว่าสิ้นปี 64 จะมีลูกค้า 2 ล้านราย, การบริหาร Outbound หรือการบริหารดาต้าเบสลูกค้าให้มีการซื้อซ้ำเพิ่มเป็น 2.4 ครั้ง/คน จากเดิม 2 ครั้ง/คน รวมถึงการขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ วางเป้ามี Traffic เพิ่มขึ้น 150%
นอกจากนี้ยังก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไป ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด โดยเตรียมออกสินค้าประเภทใหม่ๆ สู่ตลาดทุกช่องทางที่ไม่ได้ขายเพียงช่องทาง อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ Functional Drink 40%, Innovative Health Product 40% และอีก 20% จะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง
สำหรับผลิตภัณฑ์ Functional Drink คาดว่าจะออกสินค้าในปีนี้ทั้งหมด 3 รายการ โดยจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ในเดือนเม.ย., มิ.ย. และ ก.ย.64 ขณะที่ Innovative Health Product วางเป้าหมายออกผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น 2 รายการ ในเดือนมี.ค. และมิ.ย.นี้ และวางเป้าออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในเดือนพ.ค.นี้ รวม 18 รายการ คาดมีสัดส่วนรายได้รวมราว 1,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจสื่อและบันเทิง ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ชูกลยุทธ์ Content-Driven Marketing ผลิตคอนเท้นท์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จัดวางแต่ละคอนเท้นท์ในช่วงเวลาและเลือกใช้วิธีที่เข้าถึงผู้ชมตามกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการจัดวางคอนเท้นท์อย่างเหมาะสมให้เข้าถึงง่ายในแต่ละช่องทาง ดำเนินตามกลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากปีก่อน ซึ่งทำให้ช่อง 8 แตกต่างจากช่องทีวีดิจิทัลอื่น เพราะเป็นช่องเดียวที่มีรายได้ทั้งจากการโฆษณา รายได้จาก RS Mall หรือธุรกิจคอมเมิร์ซของบริษัท รายได้จากการจัดอีเว้นท์ และรายได้จากการขายคอนเท้นท์ สู่การทำรีเมคออริจินัล คอนเท้นท์ ทั้งการรับชมผ่านทาง Official account ของช่อง 8 เอง และผ่านพันธมิตรอื่นๆ ด้วย จากกลยุทธ์หลักที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่ถูกต้อง คาดว่าจะสร้างยอดการเข้าถึงผู้ชมในแต่ละช่องทางรวมกันมากกว่า 50 ล้านคนในสิ้นปี 64
COOLISM มุ่งเน้นกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่งที่ผู้ฟังเหนียวแน่นทั้งบนออนแอร์และออนไลน์รวมกันกว่า 3.7 ล้านคน เจาะกลุ่มพรีเมียมแมสที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจนผ่านไลฟ์สไตล์การกิน เที่ยว ช็อปปิ้งออนไลน์ และชมอีเว้นท์ต่างๆ ขยายฐานสู่ Young Generation ผ่านการเป็นพันธมิตรกับออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆ และธุรกิจ COOLive ที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจเพลง จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าทุกแพลตฟอร์ม รักษาเรตติ้งอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังต่อยอดโมเดล Entertainmerce ด้วยการพัฒนาเมนูช็อปปิ้ง COOLanything ทั้งบนแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนฟังให้ช็อปปิ้งและฟังเพลงไปพร้อมกับการคัดสรรสินค้าและโปรโมชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ฟัง COOLfahrenheit
RS Music ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลงที่แข็งแรงและการกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจนเกิดกระแส "โตมากับอาร์เอส" เน้นการเพิ่มมูลค่าจากโซเชียลมีเดียของแต่ละศิลปิน ทั้งศิลปินใหม่ 9 คนจาก 3 ค่ายเพลง รวมถึงศิลปินเดิมที่มีฐานผู้ฟังเหนียวแน่น พัฒนาขึ้นเป็น influencer จากไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และต่อยอดสู่การเป็น business partner ตามโมเดล Music Star Commerce รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ ขณะที่ในปีนี้ก็วางเป้าหมายออกเพลงใหม่รวมทั้งสิ้น 80 เพลง
นายสุรชัย กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ เพื่อต่อยอดจากโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และทำให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด วางงบลงรวมไว้ที่ 700-800 ล้านบาท หรือ 300-600 ล้านบาท/ดีล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลในครึ่งปีแรกนี้
ขณะที่การทำ M&A กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด เพื่อเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ "บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย" โดย RS ถือหุ้นในสัดส่วน 35% ใช้เงินลงทุนรวม 920 ล้านบาท ซึ่งแผนการดำเนินงานภายหลังจากที่ RS เข้ามาถือหุ้นแล้ว บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จะนำเงินที่ได้ไปซื้อหนี้เข้ามาบริหาร เพิ่มราว 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีพอร์ตหนี้ในการบริหารรวม 27,000 ล้านบาท คาดใช้งบลงทุน 600-700 ล้านบาท และแผนต่อมาคาดนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 65 เพื่อระดมทุนขยายการเติบโตในอนาคต
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการ หรือ M&A เพื่อเพิ่มการเติบโตในอนาคต บริษัทก็คาดหวังว่าจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตมากขึ้น ตามการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของแต่ละธุรกิจที่เข้าไปลงทุน