(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: แรงซื้อหุ้นเทคโนฯ ดันดาวโจนส์ปิดบวก 19.59 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 26, 2007 06:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐ 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 19.59 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 13,778.65 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 0.52 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,517.21 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 15.50 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 2,683.45 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.14 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ระดับ 3.12 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
นายสตีฟ โกลด์แมน นักวิเคราะห์จากบริษัทวีเดน แอนด์ โค กล่าวว่า "ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่ง แต่ต่อมาแรงบวกเริ่มถดถอยลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี"
"บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซายิ่งขึ้นเมื่อสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีรายงานว่าราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์ ดัชนีดาวโจนส์ได้ดีดตัวขึ้นอีกครั้งและสามารถปิดในแดนบวกได้สำเร็จ" นายโกลด์แมนกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตในโคลัมเบีย แมรีแลนด์ เวอร์จิเนีย นอร์ธแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา และพื้นที่ส่วนใหญ่ในเวสต์เวอร์จิเนีย ยังคงขยายตัวขึ้นในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 มูลค่า 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้และราคาบ้านที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก
ขณะที่หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป และหุ้นโลวส์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก ร่วงลง 4.6% และ 6.7% ตามลำดับ หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ เพราะคาดว่าฤดูการจับจ่ายใช้สอยในปีนี้อาจมีแนวโน้มที่ไม่สู้ดีนัก
นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคับคั่ง เพราะเชื่อว่าสินค้าเทคโนโลยีมีความเสี่ยงไม่มากนักในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงเช่นนี้ โดยหุ้นแอปเปิ้ล อิงค์ ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 153.22 ดอลลาร์ และหุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น พุ่งขึ้น 2.5%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ