นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ให้เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปราว 5% ในลักษณะ Conservative Growth และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5%
บริษัทได้กำหนด 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย
1. ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Re-structure) : ปรับโครงสร้างบริหารจัดการภายในองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งระบบ พร้อมลดต้นทุนการผลิต การขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว
2.มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง (Re-new): ปรับกลยุทธ์ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง และมีโอกาสในการเติบโต ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะการเปิดสาขาร้านค้าปลีก ดังนี้
- ช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG )เจาะกลุ่มผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ (Local Distributor) โดยในปีนี้มีแผนแต่งตั้ง Distributor รายใหญ่ 8 รายที่มีเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวาง พร้อมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าประจำวันและสุขภาพ
- ช่องทางร้านค้าปลีก (Retails) ปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโตและมีค่าใช้จ่ายสูง เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์และช่องทางการจำหน่ายอื่นๆที่มีประสิทธิภาพเข้ามาทดแทน อาทิ Retail Online เปลี่ยนพนักงานขายมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ , Retail Delivery สั่งสินค้าผ่าน Grab mart, Food panda และมีแผนส่งสินค้าผ่าน Line Man, Beauty Affiliate เปลี่ยนลูกค้ามาช่วยขาย เพิ่มความสามารถแข่งขันและการทำกำไร จากการลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- ช่องทางอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้าผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ (Market Place Platform) ชั้นนำต่างๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างระบบอีคอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ วางเป้าหมายรุกตลาดออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ O2O และพันธมิตร คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในปี 64 ที่ 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.5 % ของรายได้
- ขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก ปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศจาก Shop Model ไปสู่ Distributor Channel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายตลาดทั้ง Offline และ Online โดยมุ่งเน้นรุกตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทมีแผนพัฒนาโมเดลการขายในต่างประเทศใหม่ Product License เพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่และการบริหารจัดการตลาดในประเทศจีน โดยร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายพัฒนาสินค้ามาร์จิ้นสูง 10 items ซึ่งปีที่ผ่านมาออกวางขายไปแล้ว 5 items และปีนี้จะออกเพิ่มอีก 5 items ปรับเปลี่ยนช่องทางขายตามกลยุทธ์ Re-new ทั้งร้านค้าทั่วไป (General Trade) เช่น คอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรดต่างๆ และช่องทางออนไลน์ที่เป็นอีคอมเมิร์ซ เพิ่มประสิทธิภาพการขาย
นอกจากนั้นได้ขยายจำนวนสินค้าใหม่ๆเข้าไปจำหน่ายในต่างประเทศผ่านช่องทาง Cross Border E-Commerce อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 63 บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มจำนวน Platform ต่อเนื่อง เช่น Aikucun Platform และ Mogujia Platform
3. พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re-model) : อยู่ในช่วงของการปรับปรุงและพัฒนาโมเดลการขายใหม่เชื่อมโยงช่องทางการขายและสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ Direct to customer (D2C) หรือ call center นำเสนอขายสินค้าและให้คำปรึกษา ความรู้เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและความงามควบคู่กันไปด้วย
บริษัทยังจะเพิ่มโมเดลการขายใหม่ คือ Affiliate Program ที่พัฒนาขึ้นมาเองเพื่อเปลี่ยนจากลูกค้าเป็นคู่ค้าให้บุคคลทั่วไปที่สนใจนำสินค้าของบริษัทไปขายในช่องทาง Social Media ของตนเองได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้สำหรับคนทั่วไปที่มีงานประจำสามารถหารายได้เสริม และเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มรายได้สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 น่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 1/64
นพ.สุวิน กล่าวว่า ในช่วงปี 63 ที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการครั้งใหญ่ ลดต้นทุนการผลิต การขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งปรับรูปแบบช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อเป็นฐานการขยายตลาดต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายผลประกอบการกลับมาทำกำไร มีฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมพัฒนาธุรกิจให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปี 64 คาดว่ายังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความงาม สุขภาพและผิวพรรณต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ
"ธุรกิจ BEAUTY ยังมีโอกาสในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง และการสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ การได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดี สินค้า BEAUTY ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย"นพ.สุวิน กล่าว