(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามทั่วโลกหวังเศรษฐกิจสหรัฐฟื้น-จับตา ศบค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 29, 2021 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีลุ้นรีบาวด์ขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับขึ้นราว 0.3-0.4% สอดคล้องดาวโจนส์ขึ้นมาได้ดี จากความคาดหวังเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นดีขึ้นหลังจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด

ส่วนตลาดบ้านเราปรับตัวลง 2 วันที่ผ่านมาเกือบ 40 จุด ทำให้ผ่อนคลายเรื่อง Valuation ที่ตึงตัวก่อนหน้านี้เทรด Forward P/E 17 เท่า ตอนนี้กลับมาเทรดแถว 16.3 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ก็ยังมีโอกาสเผชิญแรงขายเนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังจำกัด เห็นได้จากดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยตลาดสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอน และตลาดบ้านเราคาดว่าจะยังเผชิญแรงขายปรับพอร์ตอยู่จากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่เรื่องการคลายล็อกดาวน์ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยรายเดือนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดว่าวันนี้เป็น DTAC

พร้อมให้แนวรับ 1,450-1,455 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,490 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,603.36 จุด เพิ่มขึ้น 300.19 จุด (+0.99%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,787.38 จุด เพิ่มขึ้น 36.61 จุด (+0.98%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,337.16 จุด เพิ่มขึ้น 66.56 จุด (+0.50%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 16.54 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 123.30 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 275.41 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ม.ค.) 1,468.51 จุด ลดลง 29.62 จุด (-1.98%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,148.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ม.ค.) ปิดที่ 52.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ม.ค.) อยู่ที่ 1.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 29.97 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 29.90-30.05 ตลาดรอปัจจัยใหม่
  • YLG ประเมินราคาทองเทศกาลตรุษจีนกร่อย ลุ้นยาก ขยับถึงบาทละ 28,000 บาท หลังไร้ปัจจัยสนับสนุน ชี้นักลงทุนตื่นมาตรการกระตุ้นคลังของไบเดน หันซบดอลลาร์สหรัฐดันแข็งค่ากดดันราคาทองคำ รออานิสงส์ความขัดแย้งจีน-สหรัฐช่วยหนุน
  • นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า จีดีพีไทยปี 2564 จะเติบโตร้อยละ 3.1% โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.5 ตลอดทั้งปีนี้ โดยการฟื้นตัวน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมีปัจจัยการเมืองภายในประเทศและความไม่ชัดเจนของการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ต้องจับตาและปี 2565 คาดการณ์ว่า จีดีพีไทยจะอยู่ที่ 2.5%
  • กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์และจัดอันดับธุรกิจดาวเด่นในปี 64 มีทั้งสิ้น 12 ธุรกิจ อันดับ 1.ธุรกิจการค้าออนไลน์ 2.ธุรกิจแพลตฟอร์ม สำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์ 3.ธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ 4.ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ 5.ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ 6.ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ 7.ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม 8.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ 9.ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา ธุรกิจขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ 10.ธุรกิจพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่น 11.ธุรกิจการเงินฟินเทคและอีไฟแนนซ์ และ 12.ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ร้านสะดวกซัก เครื่องเติมเงิน เครื่องเติมน้ำ
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 64 เหลือขยายตัวเพียง 2.8% จากเดิมที่คาดไว้ 4.5% โดยมีปัจจัยลบมาจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจากเดิมคาดว่าทั้งปีนี้จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา 8 ล้านคน ลดเหลือเพียง 5 ล้านคน ติดลบถึง 25.8% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 6.7 ล้านคน
  • รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายทุกหน่วยงาน พิจารณาแผนงานปี 64 ให้ชัดเจน โดยเฉพาะแนวทางส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทยและต่างชาติ ปีนี้คงดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยได้ช่วงครึ่งปีหลัง แต่ต้องดูสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศก่อนว่ามีแนวโน้มอย่างไร ตัวเลขปี 64 ททท.ประเมินรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 44% จากปี 63 แยกเป็นตลาดต่างประเทศมีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ขยายตัว 49% สร้างรายได้ 500,000 ล้านบาท ขยายตัว 51% ค่าใช้จ่ายต่อหัว 50,000 บาทต่อทริป ส่วนตลาดในประเทศ ไทยเที่ยวไทย 120 ล้านคนครั้ง ขยายตัว 33% สร้างรายได้ 700,000 ล้านบาท ขยายตัว 40% มีค่าใช้จ่ายต่อหัว 4,340 บาทต่อทริป

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SISB (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท คาดกำไร Q4/63 +101% Q-Q, -13% Y-Y หลังทำการเรียนการสอนปกติและมีการปรับขึ้นค่าเทอมหนุนทั้งปี 63 และ ระยะสั้นได้ประโยชน์หลัง ศบค.ผ่อนคลายให้กลับมาเรียนได้อีกครั้ง 1 ก.พ.64 นี้ ทำให้กระทบเพียงเดือน ม.ค.พร้อมคาดกำไรปี 64 กลับมาฟื้นแรง +49% Y-Y ทำ New High และได้ Capacity ใหม่ใน Q3/64 จากสาขาธนบุรี ส่วนการเติบโตระยะยาวรองรับด้วยสาขาใหม่ที่ราชพฤกษ์
  • DTAC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 64 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลกระทบจากโครงข่ายขัดข้องสำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ไปแล้ว วันนี้ประกาศงบ Q4/63 รวมถึงประกาศปันผล คาดงบใกล้เคียงกับ Q3/63 และจ่ายปันผลประมาณ 1.65 บาทให้ Dividend yield 5%
  • PTTEP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 115 บาท ประกาศงบ Q4/63 กำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท -65%QoQ, -78%YoY ต่ำกว่าคาดจากรายการด้อยค่าสินทรัพย์แหล่งผลิตในเมียนมา ขณะที่กำไรปกติ 5.2 พันล้านบาท -16%QoQ, -55%YoY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจากราคาขาย Liquid ที่มี Discount และต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น US$1/bbl แนวโน้ม Q1/64 คาดขยายตัว QoQ ตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่ยังหดตัว YoY จากฐานสูง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท +27%YoY และ 3.7 หมื่นล้านบาท +28%YoY ภายใต้สมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ US$53-55/bbl และราคาก๊าซ US$ 5.6-5.7/MMBTU แต่มีปรับคาดการณ์กำไรปี 66-68 ขึ้นราว +11% ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบระยะยาวที่ US$60/bbl

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ