นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานียังคงมีกำลังใจในการเดินหน้าฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบสองนี้ แม้ว่าธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากอัตราการเข้าพักลดลงจากสถานการณ์โควิดที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้กลุ่มดุสิตธานีปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาโฟกัสกับการสร้างรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่รายได้จากการเข้าพัก (Non-Room Revenue) โดยใช้ทักษะ ความเข้าใจตลาด ความสนใจของคนในพื้นที่และข้อจำกัดในแต่ละพื้นที่ มาเป็นปัจจัยในการวางเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้
"การปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ เปลี่ยนจากการที่ลูกค้าเดินมาหาเรา เป็นเราที่จะเดินเข้าไปหาลูกค้าเอง เพื่อรับมือกับการใช้ชีวิตตามวิถีนิว นอร์มอล ที่ลูกค้ายังไม่สะดวกเดินทาง ต้องการความปลอดภัย"
ทั้งนี้ การปรับตัวดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเสนออาหารเมนูพิเศษที่ปกติไม่ได้ขายเป็นเมนูประจำ เช่น โรงแรมดุสิตธานีพัทยา นำเสนอเมนูปาท่องโก๋ รวมถึงอาหารง่ายๆ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดีมาก โรงแรมดุสิตเชียงใหม่ ทำเมนูติ่มซำและอาหารเช้าแบบอเมริกัน โรงแรมดุสิตธานีหัวหินเปิด Pop Up Store ด้านหน้าโรงแรมเพื่อให้บริการอาหารคุณภาพดี ราคาย่อมเยา
ขณะที่โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต เน้นนำเสนอบริการอาหารกล่องหรืออาหารปิ่นโตให้กับหน่วยงานราชการ โรงพยาบาลและโรงเรียน ส่วนโรงแรมดุสิตปริ๊นเซสศรีนครินทร์เปิดให้บริการ Drive Through และบ้านดุสิตธานี ซอยศาลาแดง ที่ให้บริการอาหารเช้า เป็นอาหารกล่อง มีเมนูหลากหลายทั้งไข่เจียว จากไข่ออร์แกนิค หมูปิ้งพร้อมข้าวเหนียว โจ๊ก สลัด และอื่นๆ ในราคา 40-50 บาทในคุณภาพระดับโรงแรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลูกค้าในภาวะวิกฤติ
นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังเดินหน้าปรับปรุงโรงแรมดุสิตธานี หัวหินที่ให้บริการในรูปแบบรีสอร์ท มายาวนานถึง 30 ปี ให้เป็นโมเดลนำร่องในการต่อยอดพัฒนารีสอร์ทให้เป็นรีสอร์ทที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อเป็นจุดขายดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาพักอีกครั้งเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง
"เนื่องจากโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง เราจึงได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งมาพัฒนาเป็นสวนผักผลไม้ออแกนิก เพื่อให้เป็นแหล่งกิจกรรมท่องเที่ยววิถีธรรมชาติสำหรับลูกค้าที่มาเข้าพัก ในขณะเดียวกันก็นำผลผลิตที่ได้มาทำผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูปจำหน่ายให้กับลูกค้า และปรุงอาหารให้พนักงานเพื่อบรรเทาค่าใช้จ่าย ซึ่งผลตอบรับดีมาก เราจึงขยายพื้นที่สวนเกษตรด้วยการลงแปลงนาข้าว ซึ่งผลผลิตจากนาแรกที่เพาะปลูกคาดว่าน่าจะได้ผลผลิตราว 200 กิโลกรัม ซึ่งจะนำมาลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารให้กับพนักงานของโรงแรมก่อน และถ้ามีผลผลิตมากพอ ก็อาจจะมีผลิตข้าวจากแปลงนาของดุสิตธานีเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปในอนาคต" นางศุภจีกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DTC มั่นใจว่า กระบวนการเรียนรู้ที่จะปรับตัวและสร้างโมเดลการให้บริการในรูปแบบใหม่ตามวิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นการตอกย้ำถึงความเข้มแข็งของพนักงานกลุ่มดุสิตธานี ที่พร้อมจะสู้และประคับประคองตัวเอง งานที่รัก ตลอดจนองค์กรให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติ เพื่อที่จะกลับมาต้อนรับลูกค้าได้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน การพัฒนาแหล่งกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีธรรมชาติที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับการเรียนรู้วิถีการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติควบคู่ไปกับการได้รับบริการที่สะดวกสบายและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานของดุสิตธานีอีกด้วย ทำให้มั่นใจว่า เมื่อการท่องเที่ยวสามารถกลับมาได้อีกครั้ง กลุ่มดุสิตธานีจะมีความพร้อมในการให้บริการและจะสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน
"วันนี้พนักงานกลุ่มดุสิตธานีสู้ทุกคน เราสู้ไม่ถอย และรวมใจเป็นหนึ่ง เพราะเรารู้ว่าการรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ เราไม่ใช้สามารถใช้ความรู้ ประสบการณ์เอาชนะได้ แต่เราต้องใช้หัวใจ ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง ต้องเรียนรู้และต้องปรับตัวให้ได้ วันนี้เราไม่สามารถสร้างรายได้จากห้องพักได้เหมือนในอดีต เราจึงจำเป็นต้องพึ่งพารายได้จากส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ห้องพัก (Non-Room Revenue) ซึ่งน่ายินดีที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก และเสียงตอบรับจากลูกค้าทุกคนทำให้พนักงานของดุสิตธานีมีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DTC กล่าว