บมจ.ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) หรือ TIPCOคาดว่าในปี 50 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายหุ้นละ 0.35 บาท แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานอาจต่ำกว่าปีก่อนตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง แต่เนื่องจากบริษัทได้กำไรพิเศษกว่า 600 ล้านบาท หลังจากที่ได้ขายหุ้นบริษัททิปโก้ เอฟแอนด์บี ให้ Suntory ในสัดส่วน 50% มูลค่า 999 ล้านบาทเข้ามา
อย่างไรก็ตาม แม้ประเมินว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็ง แต่ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 5 พันล้านบาท และปีหน้าคาดเติบโตเป็น 6 พันล้านบาท หลังได้ Suntory เป็นพันธมิตร
"ปีนี้หลังจากมีกำไรจากการขายหุ้น ส่งผลทำให้ TIPCO มีความสามารถจ่ายปันผลได้สูงกว่าปีที่แล้วเราจ่ายไป 2 ครั้งรวมจ่ายไป 0.35 บาท โดยจะนำเข้าบอร์ดพิจาณาในช่วงเดือนพฤศจิกายน"นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ TIPCO กล่าว
ทั้งนี้ การขายหุ้น ทิปโก้ เอฟแอนด์บี ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายหุ้นซึ่งจะบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 4/50 โดยบริษัทจะนำเงินที่ขายหุ้นได้นำไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนที่มีทั้งหมดอยู่ 2 พันล้านบาท และอีกส่วนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ 5 พันล้านบาท จะแบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 54% และในประเทศ 46% แต่เป็นเพราะค่าเงินบาทแข็งทำให้รายได้จากการส่งออกลดลงและต้นทุนสับปะรดสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้ลดลงเหลือ 22-23% จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 30% ทำให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานจะออกมาต่ำกว่าปีก่อนที่ 397.52 ล้านบาท
ในปีนี้ TIPCO จะออกสินค้า"น้ำแร่" ยี่ห้อใหม่ในช่วงปลายปีและเตรียมขยายสาขาร้านค้าปลีกน้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์ "SQUEEZE BAR"จากปัจจุบันมี 44 สาขา
สำหรับปี 51 นายวิวัฒน์ คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มเป็น 6 พันล้านบาท หรือเติบโต 10-15% หลังจากบริษัทร่วมทุนกับ Suntory เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด
และบริษัทจะย้ายฐานการผลิตเครื่องดื่มจากจ.ประจวบคีรีขันธ์มาอยู่อ.วังน้อย จ.อยุธยา เพื่อบริหารงานร่วมกัน ซึ่งคาดว่าโรงงานใหม่ที่วังน้อยจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 1/51 ล่าช้าจากเดิมที่คาดว่าแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. 50 เป็นเพราะมีการส่งมอบเครื่องจักรของผู้ผลิตล่าช้า ประกอบกับบริษัทรอเซ็นสัญญากับ Suntory แล้วเสร็จก่อน
โรงงานใหม่จะทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านลิตร/ปี จากเดิม 40 ล้านลิตร/ปี และคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีจะผลิตได้เต็มกำลังการผลิต เพราะโรงงานใหม่มีขนาดใหญ่กว่าโรงงานเดิมประมาณ 3 เท่า
ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับ Suntory จะมีการร่วมกันทำเครื่องดื่มที่เน้นสุขภาพ โดยคาดว่าจะผลิตน้ำผลไม้ 100% และส่งออกไปยังญี่ปุ่นในราวกลางปี 51 นอกจากนี้ บริษัทและ Suntory ก็จะออกสินค้าใหม่ในประเทศไทย ได้แก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเฉพาะด้าน และ ชาเขียว ซึ่งคาดว่าจะวางตลาดในกลางปีหน้า
"ฐานการผลิตใหม่ที่ร่วมกันลงทุน (อ.วังน้อย) ตลาดที่สำคัญจะไปยังอาเซียน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และไทย ทั้งสองบริษัทก็มีความสามารถและเขี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพ และ TIPCO ไม่กังวลว่า Suntory จะทำให้ภาพลักษณ์บริษัทเสียไปจากอดีตที่ Suntory ผลิตเเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ปัจจุบัน Suntory ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮออล์ ถึง 57% และยังให้ความสำคัญกับตลาดนี้มากกว่า" นายวิวัฒน์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--