นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานกรรมการบริหารและประธานบริหาร บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเมนท์ (APX) เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวทางลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ราคาพาร์) จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อนำส่วนเกินที่เกิดขึ้นไปหักส่วนลดและขาดทุนสะสม เนื่องจากปัจจุบันงบดุลของบริษัทมีรายการส่วนลดมูลค่าหุ้น และขาดทุนสะสมเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทไม่สามารถจ่ายปันผลได้ในระยะเวลาอันใกล้
"การดำเนินการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทุนที่เรียกชำระแล้วสุทธิ จำนวนหุ้นสามัญ และมูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น" นายพงษ์พันธ์ ระบุ
นอกจากนี้ ขณะนี้บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้และเงินทุนตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ เสร็จแล้ว ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการสร้างผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในธุรกิจหลักให้ครบตามเกณฑ์ คือ 3 ไตรมาสติดต่อกัน หรือ ภายใน 1 ปี เพื่อให้หุ้นกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ
นายพงษ์พันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทหลังจากเข้ามาปรับโครงสร้างของซันเทคกรุ๊ป (SUNTEC) และเปลี่ยนเป็น APX ก็จะเน้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียม ที่พักอาศัย รีสอร์ท และโรงแรมตามที่เคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อน
แต่เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการของซันเทคกรุ๊ปครั้งนี้ถือเป็นการเข้ามาปรับโครงสร้างและซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 0.94 บาทต่อหุ้น จึงต้องมีการปรับราคาพาร์จาก 10 บาท ให้เหลือ 1 บาท ตามมูลค่าทางบัญชีที่แท้จริงเพื่อไปล้างขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่ 1.9 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากที่ประชุมกรรมการบริษัทอนุมัติก็จะล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้งในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ในเดือนส.ค.-ก.ย.51 เนื่องจากบริษัทจะต้องสร้างผลกำไรสุทธิ 3 ไตรมาสติดต่อกันตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ก่อน
"หากล้างขาดทุนสะสมหมดเราก็จะสามารถจ่ายปันผลได้ โดยที่ผ่านมา ซันเทคฯอยู่ในศาลฟื้นฟูกิจการมา 7 ปี และปิดการซื้อขายตั้งแต่ปี 2543 ที่ราคา 0.74 บาทต่อหุ้น ซึ่งถ้าล้างขาดทุนสะสมหมดเราก็จะสามารถจ่ายปันผลได้" นายพงษ์พันธ์ กล่าว
**โครงการในมือตอนนี้
ขณะนี้ APX มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ประกอบด้วย โครงการไวท์ แซนด์ บีช ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมติดชายหาดจอมเทียน พื้นที่ประมาณ 56 ไร่ รวมมูลค่าโครงการ 6.31 พันล้านบาท
โดยบริษัทจะลงทุนในโครงการไวท์ แซนด์ บีช ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะนี้จะใช้เงินลงทุนจากระแสเงินสดที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 3,000 ล้านบาท จะกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ 3 แห่ง เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในงบลงทุนการก่อสร้างโครงการ โดยหากมูลค่ารวมของโครงการทั้งหมดคาดว่าจะเริ่มมียอดขายประมาณ 33% ของมูลค่าโครงการในปี 51 ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะต้องทำการขายภายใน 3 ปี ตั้งแต่ปี 51-53 และจะเปิด pre-sale ในเดือนนี้
นายพงษ์พันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันยังไม่มีแลนด์แบงก์ขนาดใหญ่ในมือนอกจากโครงการ ไวท์ แซนด์ บีช ที่จ.ชลบุรี ซึ่งยังคงเน้นการลงทุนที่นี่เป็นหลัก ส่วนการลงทุนในอนาคตต้องรอให้ที่ประชุมผู้บริหารพิจารณาอีกครั้ง
"สำหรับการเข้าลงทุนในกิจการนี้ถือเป็นการลงทุนที่ตัวเองตั้งใจจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่หากพัฒนาจนอยู่ตัวแล้ว จะขายออกไปเหมือนแกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ (GRAND) หรือไม่ เป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถตอบได้ตอนนี้ ต้องรอดูในอนาคต"
สำหรับการแข่งขันคอนโดฯในพื้นที่จ.ชลบุรี แม้จะถือว่ารุนแรงแต่โครงการของบริษัทถือว่ามีจุดเด่นที่สุดคือติดชายหาดจอมเทียนและเชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติในการเข้าซื้อ โดยคาดว่าจะขายให้ต่างชาติ 49% และที่เหลือ 51% ขายให้คนไทย และเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ
อีกทั้งยังมีโครงการโรงแรมนานาชาติระดับ 5 ดาว ขนาด 300 ห้อง โดยได้มีการลงนามในสัญญากับ MOVENPICK เชนของโรงแรมจากสวิสเซอร์แลนด์เพื่อเข้าบริหารงานภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นอีก นอกเหนือจากโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมที่พัทยาที่กำลังเปิดขาย เพื่อให้บริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงต่อไป
**ศึกษาขยายลงทุนไปต่างประเทศ
หลังจากที่เข้ามาเป็นผู้บริหารของ APX แล้วก็จะศึกษาแผนลงทุนที่สร้างรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้กับบริษัทแต่เบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษาการทำอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเวียดนาม โดยจะเป็นเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ และคอนโดมีเนียมถ้าจะเข้าไปก็จะเข้าไปในเมืองใหญ่ เช่น โฮจิมินห์ และฮานอย
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--