CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ JKN เล็งผลงานปี 63-64 โตดีตามมาร์จิ้น-ธุรกิจใหม่-บุกตลาดตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 3, 2021 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เล็งผลดำเนินงานปี 63-64 โตดีต่อเนื่อง รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) เติบโตได้ดี รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ซื้อคอนเทนท์ได้ในราคาถูกลง โดยเฉพาะฝั่งยุโรป และซื้อได้ในระยะเวลายาวขึ้น ขณะที่ซีรี่ย์อินเดียแม้จะไม่ลดราคา แต่ก็ให้สิทธินานขึ้น ทำให้ต้นทุนถูกลง ส่งผลให้มาร์จิ้นดีขึ้น

นอกจากนี้ ในปี 64 JKN มีแผนรุกธุรกิจใหม่ด้าน Commerce โดยเฉพาะการขายเครื่องสำอาง สุขภาพ ความงาม, เครื่องดื่ม และ ไลฟ์สไตล์ อย่างสอนทำอาหาร เป็นต้น และมีจุดเด่นจากการเป็นผู้นำในการจำหน่ายคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ

ประกอบกับ JKN ยังบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น หลัก ๆ คือตลาด CLMV ตะวันออกกลาง และ ละตินอเมริกา ซึ่ง JKN ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายคอนเทนท์ให้กับ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) และบมจ.อาร์เอส(RS) ในต่างประเทศด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นละคร

พร้อมคาดการณ์กำไรปี 63 ที่ 333-335 ล้านบาท เติบโต 32% จากปี 62 ที่มีกำไร 253 ล้านบาท และในปี 64 ก็คาดว่าจะมีกำไร 401-447 ล้านบาท เติบโต 34.1% จากปี 63

หุ้น JKN ปิดเช้าที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท (+0.55%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าบวก 10.33 จุด

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า (ประเทศไทย)           ซื้อ                  13.20
          คิงส์ฟอร์ด                      ซื้อ                  13.20
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ซื้อ                  12.50
          เคทีบีเอสที                     ซื้อ                  12.50

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลดำเนินงานของ JKN ในปี 63-64 คาดว่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 63 ได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ที่เติบโตดี ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้อาจจะไม่ได้เติบโตเด่น แต่สามารถทำมาร์จิ้นให้เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/63 มีมาร์จิ้น 40%, ไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 46% และในไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 50% หากคิด 9 เดือนของปี 63 JKN มีมาร์จิ้นเฉลี่ย 45% และในไตรมาส 1/64 ก็คาดว่ามาร์จิ้นจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

ในช่วงโควิด-19 ระบาด JKN ได้ซื้อคอนเทนท์ได้ราคาถูกลง และได้สิทธิระยะเวลายาวขึ้น โดยทางฝั่งยุโรป JKN สามารถซื้อคอนเทนต์ลดลง ส่วนซีรี่ย์อินเดียแม้จะไม่ลดราคาแต่ให้ลิขสิทธิ์ยาวขึ้น ทำให้ต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ถูกลง ส่งผลให้มาร์จิ้นดีขึ้น

สำหรับปี 64 คาดว่า JKN จะมีมาร์จิ้น 47% แต่ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้อีกหลังผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ประกาศออกมาแล้ว และปี 63 เบื้องต้นคาดว่าจะมีมาร์จิ้น 43.5% แต่มีแนวโน้มที่จะสูงมากกว่าคาด ทั้งนี้ ปกติในแต่ละปีทาง JKN ได้วางแผนในการซื้อคอนเทนท์ไว้ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท/ปี แต่ในปี 63 ซื้อไปแล้วถึง 1,200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นจังหวะที่ลงทุนได้ถูก

นอกจากนี้ ในปี 64 JKN มีแผนที่จะทำธุรกิจใหม่คล้าย RS ในธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องสำอาง สุขภาพความงาม, เครื่องดื่ม และพวกไลฟ์สไตล์ อย่างสอนทำอาหาร เป็นต้น และยังจะบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น หลัก ๆ จะอยู่ที่ CLMV อาทิ กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, พม่า และยังจะไปขายคอนเทนท์ ในแถบตะวันออกกลาง, ละตินอเมริกา ด้วย เป็นต้น

ทั้งนี้ JKN ทำธุรกิจการค้าคอนเทนท์ทั้งนำเข้าและส่งออกไปขาย ไม่ได้ขายที่ไทยที่เดียวยังขายในหลายประเทศ โดย JKN ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) และบมจ.อาร์เอส(RS) ไปขายคอนเทนต์ ในต่างประเทศด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นละคร

พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปี 63 ที่ 333 ล้านบาท เติบโต 32% จากปี 62 ที่มีกำไร 253 ล้านบาท และในปี 64 ก็คาดว่าจะมีกำไรปกติ 447 ล้านบาท เติบโต 34.1% จากปี 63 ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการกำไรปี 63-64 ขึ้นได้อีก

ด้านบล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ฯ JKN มีจุดเด่นจากการเป็นผู้นำในการจำหน่ายคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ เติบโตท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาอีกทั้งได้รับประโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลบวกต่อรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้นและช่วยหนุน GPM ขยายตัวจากตัดจำหน่ายต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ลดลง

โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ราว 71 ล้านบาทเติบโตต่อเนื่อง +41%YoY และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ที่ 335 ล้านบาท +33%YoY ส่วนปี 64 ที่ 401 ล้านบาท +20%YoY งยังไม่รวม Upside จากธุรกิจใหม่ด้าน Commerce ที่คาดว่าเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง (H2/64) เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในอนาคต ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้การขายลิขสิทธิ์คอนเทนท์เพียงอย่างเดียว

ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลประกอบการเติบโตโดดเด่นสวนทางอุตสาหกรรมโฆษณาที่ติดลบ และแนวโน้มปี 64 คาดยังเติบโตทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจคอนเทนต์ และแผนรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจใหม่ ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงามและสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ช่วยเพิ่มรายได้ มองว่าประมาณการค่อนค่างอนุรักษ์นิยม โดยคาดรายได้ปี 64 ที่ 2,002 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 ที่ 65 ล้านบาท (-22%QoQ ,+30%YoY) ผลประกอบการลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการจัดงานโชว์คอนเทนต์ เทียบ YoY โดยผลประกอบการยังเติบโตดี หลัก ๆ มาจากผลของ Product mix การขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ ที่มีมาร์จิ้นที่สูงขึ้น อาทิ ประเทศอียิปต์ กลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกา บรูไน ไต้หวัน ศรีลังกา บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และภูฏาน กอปรกับต้นทุนค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธ์ที่ลดลง และต้นทุนในการจัดงานเมกะโชว์เคสปีนี้ที่ต่ำกว่าปีก่อน ภาพรวมปี 63 ประเมินรายได้ เติบโต 5%YoY เป็น 1,772 ล้านบาท ขณะที่ประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้นจากต้นทุนคอนเทนต์ที่ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิคาดเติบโต 30%YoY เป็น 329 ล้านบาท

สำหรับปี 64 คาดกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง 16%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.มองว่ายังเป็นปีทองของผู้ขายคอนเทนต์อย่าง JKN ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของธุรกิจสตีมมิ่ง ทำให้ความต้องการคอนเทนต์ในตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการทีวีลดการผลิตเอง และหันมาซื้อคอนเทนต์สำเร็จรูปเพื่อนำไปออกอากาศ เพื่อลดต้นทุน 2.แผนในการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น 3.แผนในการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ในการผลิต จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม และสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในครึ่งปีแรกของปี 2564 สำหรับธุรกิจดังกล่าวปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ราว 15 ล้านบาท

ขณะที่ปี 64 จะมุ่งเน้นขายสินค้า 4 กลุ่ม ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มประเภท Energy Drink จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ยังเป็นการกระจายรายได้ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ จากเดิมที่ผูกติดกับธุรกิจขายลิขสิทธ์คอนเทนท์อย่างเดียว โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจใหม่ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ