นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ของธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยูอาศัยในปี 64 ลดลง 10% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าปัจจุบันภาครัฐจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดมาบ้างแล้ว แต่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัย คือ กำลังซื้อที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อน หลังรายได้ของคนลดลงทำให้ความมั่นใจลดลงตาม ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะการซื้อของขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินมากอย่างเช่น ที่อยู่อาศัย ส่งผลให้การซื้อบ้านชะลอตัวไปด้วย
ขณะที่ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ในช่วงต้นปีเริ่มมีการทำโปรโมชั่นดุเดือดเพื่อกระตุ้นการซื้อและแย่งชิงยอดขาย ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำก็เป็นตัวส่งเสริมความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง แต่หากมองในภาพรวมก็ยังคงไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนว่าตลาดอสังหาริมทรัพยในปี 64 จะฟื้นตัวกลับมาได้ หากเศรษฐกิจยังมีแรงกดดันอยู่มาก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ท้าทายกับผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงวางแผนเปิดโครงการใหม่ตามเดิมจำนวน 24 โครงการ มูลค่ารวม 2.98 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 9.7 พันล้านบาท นีโอ โฮม บ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 7 พันล้านบาท บ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท
บริษัทเลือกเปิดโครงการใหม่ในทำเลที่ไม่ค่อยมีผู้ประกอบการส่วนใหญ่เข้าไปเปิดโครงการ ทำให้มีจำนวนสินค้าไม่มาก ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพที่มีกำลังซื้อที่มองเห็นจุดเด่นของโครงการเป็นหลัก บริษัทจึงมีความเสี่ยงในการโอนลดลง เนื่องจากปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาที่ 50% ณ สิ้นปี 63 จาก 30% ในช่วงต้นปี