นายแพทย์ดุสิต ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ธุรกิจการแพทย์ (LNH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 2 กันยายน 2550 ได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด จำนวน 22,843,333 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จากผู้ถือหุ้นของเชียงใหม่ราม ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวถือเป็นการทำรายการประเภทที่ 4 หรือการเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลั กทรัพย์โดยอ้อม (Backdoor Listing)
พร้อมทั้งได้มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการแลกเปลี่ยนหุ้นกับผู้ถือหุ้นของเชียงใหม่ราม โดยคาดว่าบริษัทจะดำเนินการแลกเปลี่ยนหุ้นแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน หลังจากที่บริษัทได้รับอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
น.พ.ดุสิต กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยังได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 180,000,000 บาท เป็น 408,433,330 บาท หรือจากเดิม 18,000,000 หุ้น เป็น 40,843,333 หุ้น โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 22,843,333 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงิน 228,433,330 บาท เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญในบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่
ราม จำกัด ในอัตราส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ต่อ 1 หุ้นในบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด
วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนเพื่อใช้ในการลงทุนในกิจการของเชียงใหม่ราม ซึ่งประกอบด้วย โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม โรงพยาบาลเทพปัญญา โรงพยาบาลช้างเผือก และโรงพยาบาลเขลางค์นคร รวมถึงโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และภายหลังการแลกเปลี่ยนหุ้นบริษัทฯ จะถือหุ้นในบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 57.11 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด
เนื่องจากปัจจุบันการขยายตัวของธุรกิจโรงพยาบาลเป็นการขยายตัวในลักษณะของการร่วมลงทุนระหว่างกิจการโรงพยาบาล ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น จำนวนแพทย์ หรือพยาบาล เป็นต้น ทำให้ การขยายตัวในลักษณะของการเปิดกิจการใหม่จึงเป็นไปได้ยาก
การร่วมลงทุนระหว่างกิจการของบริษัทฯ และกิจการของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด ถือเป็นการลงทุนในลักษณะพันธมิตร ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลของบริษัทฯ มีเครือข่ายที่มีความแข็งแกร่งขึ้น เป็นการเกื้อหนุน/ส่งเสริมทางธุรกิจระหว่างโรงพยาบาลของบริษัทฯ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด และ โรงพยาบาลในเครือของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัดโรงพยาบาล ของบริษัทและจะทำให้โรงพยาบาลของบริษัทฯ บริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด และโรงพยาบาลในเครือของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด ภายหลังการทำรายการจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ การลงทุนในบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด จะทำให้ฐานผู้ใช้บริการขยายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป (ไม่นับกลุ่ มลูกค้าประกันสังคม และกลุ่ม ลูกค้าโครงการสุขภาพทั่วหน้า หรือ โครงการสามสิบบาท-เดิม)
อีกทั้งเป็นการประหยัดต้นทุนในการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัดสามารถใช้ สินทรัพย์ ประเภทอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด และโรงพยาบาลในเครือจากเดิมที่บริษัทฯ จะต้องลงทุนในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์เองทั้งจำนวน ซึ่งบางอุปกรณ์มีมูลค่าเงินลงทุนสูง จึงถือเป็นการลดต้นทุนด้านการลงทุน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มอำนาจในการต่อรองของบริษัทฯ ด้านราคายาและวัสดุอุปกรณ์สิ้นเปลื้อง และคาดว่าจะช่วยในการประหยัดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯ
ทั้งนี้ ภายหลังการทำรายการดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในด้านผลประกอบการโดยรวม รวมถึงมูลค่าของกิจการหรือ มูลค่าตลาดโดยรวมของลานนาที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด จะสะท้อนในผลประกอบการอย่างเต็มมูลค่าในปี 2551
ด้านน.พ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง(RAM) ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติไม่อนุมัติการแลกหุ้นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะออกใหม่ของ LNH กับหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำกัด (เชียงใหม่ราม)
จากผู้ถือหุ้นของเชียงใหม่รามทุกราย ซึ่งรวมถึงหุ้นเชียงใหม่รามที่บริษัทถืออยู่จำนวน 17,156,667 หุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.89 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของบริษัท เพราะบริษัทจะต้องมีต้นทุนการเข้าทำรายการ(โดยเฉพาะภาษี)เป็นมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--