นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกันราว 0.5-0.6% หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐน่าจะผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ มีความหวังใหม่กับวัคซีนโควิด-19 หลังบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ได้ขออนุมัติใช้วัคซีนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐแล้ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราเมื่อดัชนีฯเข้าใกล้ระดับ 1,500 จุด ก็ต้องระวังแรงขายทำกำไร เพราะ Valuation จะตึงตัวอีกทั้ง Dollar Index ยังสูงขึ้น อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้
โดยให้แนวรับ 1,475-1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,055.86 จุด เพิ่มขึ้น 332.26 จุด (+1.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,871.74 จุด เพิ่มขึ้น 41.57 จุด (+1.09%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,777.74 จุด เพิ่มขึ้น 167.20 จุด (+1.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.63 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 289.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 191.59 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.พ.)1,482.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด (+0.08%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,956.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ก.พ.) ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.พ.) อยู่ที่ 2.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.10 อ่อนค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค แนวโน้มแกว่งกรอบ 30.00-30.15
- "อาคม" แจงภูมิคุ้มกันประเทศยังดี ไม่ล้มละลาย ระบุทุนสำรอง-ฐานะการคลังแข็งแกร่ง ขณะที่หนี้สาธารณะยังอยู่ในเพดานไม่เกิน 60% ลั่นได้เวลาปรับโหมดกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ สร้างภูมิคุ้มกันต่อเนื่องเตรียมปฏิรูปรายได้ยั่งยืนรองรับการใช้จ่ายอนาคต ขณะที่สศค.แจงศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดและกำลังปรับตัวดีขึ้น
- ธปท.เปิดสถิติระบบขัดข้องปี 63 พบระบบขัดข้องรวม 4 ช่องทาง โมบายแบงกิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เอทีเอ็ม สาขารวม 108 ครั้ง แบ่งเป็นโมบายแบงกิ้ง 46 ครั้ง ล่มนานสุด 22 ชั่วโมง โดยพบแบงก์ที่เจอระบบขัดข้องมากที่สุดคือ กรุงศรี 24 ครั้ง และกสิกรไทย 19 ครั้ง
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ได้คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปีนี้ที่ 2.8% โดยจะรอดูผลจากมาตรการและโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐทั้ง 3 โครงการที่นำมาใช้ในการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด เบื้องต้นประเมินมาตรการทั้งหมดจะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจประมาณ 303,000 ล้านบาท หรือกระตุ้นจีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7%
- "กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ" รายงาน ครม.กรณีรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ อยู่ในอนุญาโตตุลาการกับเชฟรอน ทำให้เสี่ยงผลิตก๊าซธรรมชาติได้ต่ำกว่าแผนในปี 2565 วางแผนเตรียมนำเข้าแอลเอ็นจีแก้ปัญหา ด้าน ปตท.ยืนยัน ปตท.สผ.พร้อมเข้าพื้นที่ผลิตต่อจากเชฟรอน เจ้าของสัมปทานในขณะนี้
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามการทำงานของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงให้เป็นไปตามแผนการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom) ว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้เพื่อกำชับให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินงานให้สามารถเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ตามแผนงานภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ โดยได้ สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาความเหมาะสม และความจำเป็นในการเดินขบวนรถชานเมืองเข้าสู่สถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนผู้ใช้บริการ ให้สอดรับกับนโยบายการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเป็นหลัก
- "คมนาคม" ชี้ปรับเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 เพิ่มการคิดคะแนนเทคนิคต้องเปิดฟังความเห็นพร้อมเสนอ ครม.คาดใช้เวลาประมูลนานขึ้นมั่นใจ รฟม.ชี้แจงได้หากเอกชนยื่นฟ้อง "บีทีเอส" มอบฝ่ายกฎหมายดูผลกระทบพร้อมรอดูทีโออาร์ใหม่ "วิษณุ" โยนคมนาคมแก้ปมสายสีส้ม-สีเขียว
*หุ้นเด่นวันนี้
- GULF (เคทีบีเอส) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36.00 บาท โรงไฟฟ้า IPP ของ GULF จะทยอย COD นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป โดย ณ สิ้นปี 2568 คาด GULF จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 13,845 MW ส่วนกรณี GULF เข้าถือ INTUCH ครบ 15% ตามมติบอร์ดนอกจากปันผลที่ได้เพิ่มยังลุ้นการต่อยอดธุรกิจระหว่างกันในอนาคต พร้อมประเมินกำไรสุทธิใน ปี 2563-2564 ที่ 5.1 พันลบ. และ 6.2 พันลบ. เติบโต +4.4%YoY, +10.4%YoY ตามลำดับ
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 70 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/63 โตแรงที่ 6.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 610% qoq และ 1,625%yoy นอกจากนี้ยังได้เปรียบคู่แข่งเพราะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบทำให้ช่วงที่น้ำมันเป็นขาขึ้นต้นทุนจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่ง
- TKN (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Bloomberg Consensus 13.60 บาท แม้แนวโน้มกำไร Q4/63 จะอ่อนตัว YoY เนื่องจากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนกระทบการส่งออก รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ แต่ก็น่าจะผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้ว โดยแนวโน้มปี 64 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จะกลับมาเติบโต 5-5.2 พันล้านบาท +27%YoY จากการออกสินค้าใหม่ทั้งสาหร่าย เครื่องดื่มชานมไต้หวัน Just Drink รสชาติใหม่ 2-3 รส และ Plant-based snack ขณะที่การใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายและค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงจะช่วยผลักดันอัตรากำไรให้ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ