บมจ. โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ตั้งเป้าหมายใหม่ตั้งแต่ปี 51 รายได้ต้องเติบโตปีละ 20% จาก 4 พันล้านบาทในปีนี้ ปรับโฟกัสรุกธุรกิจอาหารหลังตลาดชาเขียวเริ่มชะลอตัว เล็งขยายสาขาร้านอาหารปีละ 10 แห่งด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ชูร้าน"ชาบูชิ"เป็นหัวหอกนำทีม เพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารในปีนี้เป็น 35% จาก 20% ในปี 49 เดินหน้าขายร้าน Log Home หวังนำเงินมาใช้ในการขยายกิจการ
ส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม ยังตั้งเป้าทยอยออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อให้ธุรกิจเติบโต โดยปลายปีนี้จะออกสินค้าใหม่แบรนด์"โออิชิ"ออกมาทำตลาดอีก และปีหน้าจะเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่ม คาดได้เห็นภายใน Q2/51
*ตั้งเป้าโตปีละ 20% ตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นไป
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ OISHI เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายและรายได้ตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นไปจะต้องเติบโตปีละ 20% จาก 4 พันล้านบาทในปีนี้ ซึ่งปีนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะทำรายได้สูงกว่าที่คาดไว้ แต่ยังขอคงเป้าเดิมไว้ก่อน
"บริษัทมีเป้าใหม่คือ ทุกๆปีเราขอโต 20% เป็นนโยบายให้กับผู้บริหารและทีมงาน ทุกคนต้องทำสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ให้เพิ่มขึ้น 20% แต่จะได้มากกว่าก็ยิ่งดีว่า"นายตัน กล่าว
สำหรับผลประกอบการ Q3/50 นายตัน กล่าวเพียงว่า ให้รอฟังข่าวดีในเร็วๆนี้ เนื่องจากมียอดขายเพิ่มขึ้น
"Q3 ยังน่าจะออกมาดีเพราะยอดขายเพิ่มขึ้น กำไรก็น่าจะดี..แต่เท่าไหร่ยังบอกไม่ได้ คนเราก็ต้องมีดีมั่งร้ายมั่ง เป็นธรรมชาติของธุรกิจ ตอนดีก็อย่าเผลอตัว ตอนไม่ดีก็อย่าท้อแท้ ทำไปเรื่อยๆสักวันคงดีขึ้น ในที่สุดก็คงอยู่ได้"นายตัน กล่าว
*เพิ่มสัดส่วนธุรกิจอาหารเหตุอัตราเติบโตดีกว่าชาเขียว
นายตัน กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหารมากขึ้นเพื่อทำรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายใหม่ เนื่องจากมองว่าธุรกิจอาหารมีโอกาสเติบโตได้ถึง 20% ต่อปี มากกว่าธุรกิจเครื่องดื่มอย่างชาเขียวที่โตเพียง 13-15% ต่อปี จากในอดีตที่โตเกิน 20%
ขณะนี้ OISHI ได้ปรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นมาเป็น 35% จาก 20% ในปีก่อน พร้อมทั้งเตรียมแผนงานขยายสาขาร้านอาหารให้ได้ปีละ 10 สาขา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อให้ธุรกิจอาหารเติบโตปีละ 20% โดยร้านในเครือโออิชิ ได้แก่ โออิชิแกรนด์, โออิชิบุฟเฟ่ต์และโออิชิเอ็กซ์เพรส, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, โออิชิ ซูชิบาร์, โอเค สุกี้แอนด์บาร์บิคิว, เดอะ เทปป์ และร้านเบเกอรี่ อินแอนด์เอาท์
นายตัน กล่าวว่า ร้านอาหารที่สามารถทำรายได้สูงสุด คือ โออิชิบุฟเฟ่ต์ และ ชาบูชิ
"เราอยากให้มีการเติบโตปีละประมาณ 20% ของร้านอาหาร เราก็ต้องเปิดปีละ 10 สาขา บวกลบ แล้วแต่เล็กหรือใหญ่"นายตัน กล่าว
สำหรับในปีนี้การขยายสาขาร้านอาหารทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบกับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ทำให้ OISHI เปิดสาขาใหม่ได้เพียง 2 สาขาในครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลังจะเปิดสาขาร้านชาบูชิเพิ่มอีก 1 สาขา จากที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่เอสพลานาดเมื่อเร็วๆนี้ และกำลังจะปรับสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยจะรื้อส่วนที่เป็นเทปันยากิภายใต้แบรนด์"เดอะ เทปป์"เพื่อขยายที่นั่งเพิ่ม
"ปีหน้าก็คงขยายสาขาเพิ่มอีกแน่นอน อาจจะไม่เปิดเยอะ แต่จะเปิดทุกปี..ซึ่งตอนนี้ชาบูชิ กำลังเป็นน้องใหม่ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นทุกสาขา ไม่ว่าจะเปิดสาขาไหนคนต่อคิวแน่นทุกสาขา ทำยอดขายเพิ่มขึ้นทุกสาขา"นายตัน กล่าว
ปัจจุบันร้านชาบูชิ มีทั้งหมด 12 สาขา ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
*ขาย"Log Home"เหมาะพัฒนาโครงการอสังหาฯ
นายตัน กล่าวถึงการขายร้าน"Log Home"ว่า ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเปิดให้ผู้สนใจยื่นซองเข้าประมูล โดยบริษัทจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องขายซื้อขายสินทรัพย์ตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)โดยมีเป้าหมายนำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนขยายกิจการ
สาเหตุที่ต้องการขายกิจการร้าน Log Home เพราะมองว่าการใช้ที่ดินผืนใหญ่ย่านทองหล่อมูลค่าเป็นร้อยล้านบาทมาทำร้านอาหารไม่คุ้มค่ากัน น่าจะเหมาะกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า ซึ่งบริษัทเริ่มลงทุนร้าน Log Home เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้วด้วยเงินลงทุนราว 100 ล้านบาทและยังทำรายได้ค่อนข้างดีมีกำไร แต่เมื่อคิดเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ค่อนข้างสูง ก็เห็นว่าไม่คุ้มค่า
"พูดง่ายๆคือคนที่จะมาซื้อ Log Home ต้องชอบทำเล ชอบบ้านไม้ แล้วถ้าคุณจะไปทำต่อ หรือจะเอาไปทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทเราไม่ได้ทำอสังหาฯเราจะเก็บที่ดินพื้นนี้ไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์"นายตัน กล่าว
*เล็งออกแบรนด์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มภายใน Q2/51
นายตัน กล่าวถึงธุรกิจเครื่องดื่มว่า บริษัทยังมีแผนออกวางตลาดสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์"โออิชิ"ในช่วงปลายปีนี้ และในไตรมาส 2/51 จะออกสินค้าแบรนด์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งจะช่วย
ผลักดันส่วนแบ่งตลาดให้"โออิชิ"ในตลาดชาพร้อมดื่ม
ปัจจุบัน โออิชิมีส่วนแบ่งตลาดชาพร้อมดื่ม 64% และคาดว่าหลังจากออกสินค้า"โออิชิ แบลคทีเลมอน"และ"โออิชิ กรีนทีมิกซ์ เบอรี่"ในช่วงกลางปี 50 ซึ่งเป็นการนำเสนอเครื่องดื่มรสชาดใหม่ ๆ ให้กับตลาด น่าจะช่วยให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปลายปีนี้ แม้ว่า"มิกซ์ เบอรี่"ยังอยู่ในช่วงทดลองตลาด 60 วันก่อนวางตลาดจริง
"เราอยากจะพัฒนารสชาติใหม่ๆออกมาให้ผู้บริโภค เหมือนกับตอนแรกที่ออกชาเขียว แล้วต่อมาก็มีน้ำผึ้งผสมมะนาว ข้าวญี่ปุ่น ไปๆมาๆ 2 รสนี้ขายดีกว่ารสต้นตำรับ ถ้าวันนี้เรามีแค่ต้นตำรับรสชาติเดียว วันนี้มาร์เก็ตแชร์เราก็คงเดี้ยงไปแล้วล่ะ ซึ่งเดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะมีสินค้าใหม่แบรนด์"โออิชิ"ออกมาอีก"นายตัน กล่าว
ส่วนตลาดต่างประเทศยังคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของยอดขาย โดยปัจจุบันส่งออกไป ลาว กัมพูชา ออสเตรเลีย เยอรมัน อเมริกา
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--