"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (8-12 ก.พ.) มาเจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564
เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (1-5 ก.พ.) SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,496.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.02% จากสัปดาห์ก่อน ขานรับแรงซื้อในหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยว ,กลุ่มการเงิน และกลุ่มอาหาร เป็นต้น
สำหรับภาพรวมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนและมีลุ้นกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,500 จุดได้อีกครั้ง ส่วนหนึ่งตอบรับกับปัจจัยเชิงบวกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขภาคการผลิต , ภาคบริการ และภาคแรงงานกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ ผสมผสานกับความคืบหน้าเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนจากก่อนหน้าที่กังวลความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่นักวิเคราะห์ยังคงให้ความสำคัญในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากการเฝ้าระวังการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศแล้ว อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือการทยอยรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน งวดปีสิ้น 2563 ของกลุ่ม Real Sectors ว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ตามความหวังของผู้ลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน หลังจากก่อนหน้านี้ธุรกิจกลุ่ม Real Sectors ส่วนใหญ่ถูกผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที ประเมินภาพรวม SET INDEX รอบสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวขาขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นช่วงการปรับฐานระยะสั้นไปแล้ว พร้อมกับแนะให้ปรับกลยุทธ์เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไซส์บิ๊กแคป ขานรับกับการหวนกลับมาซื้อหุ้นไทยของฟันด์โฟลว์รอบใหม่
ขณะที่ด้านบทวิจัยฯ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงวันที่ 8-11 ก.พ.นี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หรือ sideways ไปจนถึงอ่อนตัวลง โดยมีแนวรับที่ 1,477 จุด และ 1,455 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,510 จุด และ 1,529 จุด โดยเข้าสู่ช่วงของบริษัทจดทะเบียนทยอยรายงานผลประกอบการของงวดปี 2563 ในกลุ่ม Real Sectors จาก 222 บริษัทที่มีคาดการณ์จาก Consensus คาดรายงานกำไรสุทธิรวมที่ 3.75 แสนล้านบาท ลดลง 45.7% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ต้องติดตามได้แก่การประกาศ MSCI Rebalance ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 10 ก.พ.นี้
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทระหว่างสัปดาห์นี้ ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ 29.90-30.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. (เบื้องต้น) นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลเดือนม.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตด้วยเช่นกัน
https://youtu.be/d3SdHPybajc