นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ (TISCO) ประเมินตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.พ.64 มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ดาวน์หาฐานใหม่ เพราะมีแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับลดกำไร บจ.ตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันนักวิเคราะห์ในตลาดมองว่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้นของหุ้นไทย (SET EPS) ปี 64 และ 65 จะอยู่ที่ 76.9 บาท และ 90.8 บาทตามลำดับ ประกอบกับเม็ดเงินในตลาดอาจตึงตัวชั่วคราวจากการเสนอขายหุ้น IPO ขนาดใหญ่ ผสมโรงกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เตรียมปรับปรุงเกณฑ์หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่ในระดับต่ำ (ฟรีโฟลทต่ำ) ใหม่ ทำให้มีแรงขายปรับพอร์ตอยู่ในระยะสั้น
ล่าสุดนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิเดือน ม.ค.64 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ และยังไม่มีสัญญาณเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าก้อนใหม่ ผสานกับการกู้เงินของรัฐบาลด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ มูลค่ารวม 6 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ "เราชนะ" จะกดดัน Fund Flows ต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนนี้ ก่อนที่จะมีโอกาสกลับมาไหลเข้าในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.พ.64 หลังจากที่หุ้น IPO ขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดแล้ว และสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ "เราชนะ"
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า หากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามที่คาด บล.ทิสโก้ แนะนำว่าควรใช้โอกาสนี้เป็นจังหวะทยอยตั้งรับ โดยมี 3 ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับเดือน ก.พ. คือ 1.หุ้นปันผลดี แนะนำ AP, DCC, KKP และ SCB 2. หุ้นได้ประโยชน์จากวัคซีน-การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ BDMS, SCGP และ STGT และ 3.หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนเฉพาะตัว แนะนำ KCE และ TWPC
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากเงินปันผลถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดหุ้นไทย เพราะนอกจากจะชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทย ที่อยู่ในระดับ 1.2% เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในปี 63 จะหดตัวรุนแรง โดยคาดว่าจะติดลบเกือบ 40% จากผลกระทบของโควิด-19 แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ระดับน่าพอใจที่ประมาณ 2% และคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในปี 64 ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 2%
ในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารคาดว่าน่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้เป็นปกติในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ยกเลิกคำสั่งการห้ามการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
"จากการศึกษาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงนับตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นมา พบว่า ในช่วงเดือน ก.พ.ถึงเดือน มี.ค.ของทุกปี มีโอกาสสูงถึง 83-100% ที่หุ้นปันผลมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) และมักให้ผลตอบแทนโดยรวมเฉลี่ยดีกว่าตลาดประมาณ 2.5% ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงให้ความสำคัญกับหุ้นปันผลมากเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในช่วง 2 เดือนนี้" นายอภิชาติ กล่าว