KTAM เปิดขายกองธีมเมติกทริกเกอร์เป้า 7% ใน 7 เดือน จองซื้อ 9-16 ก.พ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 9, 2021 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า KTAM จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคแทม ธีมเมติก ทริกเกอร์ ฟันด์3 (KT-TMT3) ระหว่างวันที่ 9-16 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ เป้าหมายสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 7% ภายใน 7 เดือน

กองทุนเปิดเคแทม ธีมเมติก ทริกเกอร์ ฟันด์3 (KT-TMT3) ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกำหนดธีมการลงทุน Thematic Investment โดยผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก หรือ Mega Trends เพื่อค้นหากลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จาก Mega Trends มีการบริหารแบบยืดหยุ่น และกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกำหนดธีมการลงทุนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/ หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ และ/หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ/หรืทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (กองทุนปลายทาง) ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยการลงทุนในกองทุนปลายทางดังกล่าวมีนโยบายลงทุนทั้งในตราสารแห่งทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ทรัพย์สินทางเลือก และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นใดตามที่กฎหมาย ก.ล.ต. กำหนด

และกองทุนนี้จะพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งสัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และกองทุนจะมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี Net Exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน และหรือการบริหรความเสี่ยงรวมทั้งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

ทั้งนี้ นางชวินดา ยังกล่าวเสริมว่า กองทุนนี้มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้น A-shares (หุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น) ที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้มีโอกาสดีที่จะสร้างผลตอบแทนชนะดัชนี (Alpha) ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุน Allianz China A-Shares, iShares FTSE A50 China ETF และ ChinaAMC CSI 300 Index ETF ซึ่งมีทั้งกลยุทธ์แบบ bottom up / stock picking และผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง โดยได้อานิสงค์จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศจีน ในระดับราคาที่สมเหตุสมผล อีกทั้งหุ้นจีน A-shares ที่มีสัดส่วนสูงขึ้นเรื่อยๆ ในดัชนีระดับโลก รวมถึงนโยบายที่เริ่มเปิดกว้างสู่นักลงทุนต่างประเทศที่ช่วยดึงดูดการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน

อีกทั้งประเทศจีนยังผ่านกระบวนการปฏิรูปและปรับตัวท่ามกลางวิกฤต อาทิ เศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง (hard landing) สงครามการค้า และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายครั้งในช่วงปีหลังๆ และการที่รัฐบาลจีนพยายามลดความร้อนแรงของตลาดหุ้น ตลอดจนความขัดแย้งระหว่าง จีน-สหรัฐ จึงมองว่านี่เป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนในการลงทุนระยะสั้นจากการจับจังหวะตลาด (Market Timing)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ