หุ้น MINT ราคาไหลลง 4.17% มาอยู่ที่ 28.75 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 352.83 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.40 น. โดยเปิดตลาดที่ 30.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 30.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 28.75 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯได้ปรับประมาณการปี 63 ของ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ลง 20% เป็นขาดทุนสุทธิ -2.2 หมื่นล้านบาท จากการปรับ RevPar ลงเป็น -75% YoY (เดิมคาด -65%) และปรับปี 64 ลงเป็นขาดทุนสุทธิ -1.0 หมื่นล้านบาท (เดิมคาดกำไร 1.8 พันล้านบาท) จากปรับ RevPar ลงเป็น +50% (เดิมคาด +80%)
ทั้งนี้ คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 จะขาดทุน -6.1 พันล้านบาท เทียบไตรมาส 4/62 ที่มีกำไรสุทธิ 3.8 พันล้านบาท และไตรมาส 3/63 ที่ขาดทุน -5.6 พันล้านบาท จากผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ RevPar โดยรวมลดลง -80% จากไตรมาส 3/63 ที่ -67% YoY
อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"หุ้น MINT และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 36.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2.5%) จากเดิมที่ 28.00 บาท อิง DCF เป็นผลจากการปรับเพิ่มกำไรตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป ถึงแม้จะปรับกำไรปี 63-64 ลง
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นโดยคาดว่าผลการดำเนินงานจะพลิกมาเป็นกำไรตั้งแต่ปี 65 ที่ 5 พันล้านบาท และมีการปรับกำไรปี 66-68 ขึ้นประมาณ 10-20% จากธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีหลังจากที่วัคซีนกระจายได้เร็ว โดยเฉพาะที่ยุโรปที่กระจายมากที่สุด ซึ่ง MINT จะได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ทางจากทั้งนักท่องเที่ยวยุโรปมาไทย และนักท่องเที่ยวยุโรปที่เที่ยวภายในประเทศกันเอง ซึ่งจะทำให้ปี 66 MINT จะมีกำไรสุทธิที่ 9 พันล้านบาท ดีใกล้เคียงกับปี 62 ซึ่งเร็วกว่าประมาณการเดิม 1 ปี
ด้านราคาหุ้นเพิ่มขึ้น +19% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จากความหวังเรื่องวัคซีน ขณะที่ MINT จะ outperform ต่อเพราะจะได้รับประโยชน์จากการใช้วัคซีนที่ยุโรปก่อนทวีปอื่น ๆ โดย MINT มีสัดส่วนโรงแรมในยุโรปสูงถึง 60% ขณะที่ valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯ ซื้อขาย EV/EBITDA ที่ 14x (-1.0SD below 10-yr average EV/EBITDA) เทียบกับ ERW และ CENTEL ที่ -0.5SD และ average EV/EBITDA ทำให้เลือก MINT เป็น Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยว