ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW) มีมติใช้สิทธิเรียกชำระคืนหุ้นกู้ทั้งหมด 2,500 ล้านบาทก่อนกำหนดเวลาไถ่ถอน หลังจากบริษัท อีสเทิร์น โฮบาส ไพพ์ จำกัด (EHP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EASTW ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ ส่งผลให้ EASTW กระทำผิดเงื่อนไขของสัญญาหุ้นกู้และสัญญาให้สินเชื่อบางฉบับ
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้กำหนดให้บริษัทชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในวันที่ 11 ต.ค.นี้ ขณะที่ EASTW เตรียมขอกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย(KTB)มาชำระคืนทั้งจำนวน
EHP เป็นบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 ระหว่าง EASTW และ HOBAS Engineering GmbH จากประเทศออสเตรีย โดยดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตท่อน้ำแบบ Centrifugally Cast Glassfiber Reinforced Polyester (CC-GRP) บริษัทประสบภาวะขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความล่าช้าของโครงการสาธารณูปโภคหลายโครงการซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ EASTW กล่าวว่า การชำระคืนเงินกู้ดังกล่าวเพื่อใม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท ถึงแม้ผลการดำเนินงานงวดปี 50 (สิ้นสุดก.ย.) ในส่วนของกำไรจะหายไป 100 กว่าล้านบาทจากที่ต้องตั้งสำรองบริษัทลูกทั้ง 2 แห่ง ซึ่งรวมถึง บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (UU)
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาถือหุ้นหลักใน EHP ในสัดส่วนที่มากกว่า 50% โดยจะเอาหนี้ที่มีอยู่ 2.5 พันล้านบาทมาแปลงหนี้เป็นทุนให้พันธมิตรเข้ามาซื้อ
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า EHP ถือเป็นบริษัทลูกที่แห่งที่ 2 ที่บริษัทพยายามลดบทบาทหลังจากที่ได้ยุบกิจการ UU ไปแล้วหลังจากขาดทุน และจากนี้ก็จะเดินหน้าในธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท
สำหรับรายได้ของ EASTW ในปีนี้ นายประพันธ์ เชื่อว่า จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน 8-10% จากที่บริษัทได้มีการปรับราคาขายน้ำและวอลุ่มเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนยอดขายน้ำยอมรับว่าลดลงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 219 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยคาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ที่ 209 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากลูกค้าหันมารองน้ำไว้ใช้เองหลังจากปีนี้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 190-195 ล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการเปลี่ยนสภาพน้ำกร่อยให้เป็นน้ำที่มีคุณภาพที่ท่อส่งน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาสู่ระบบเก็บน้ำส่วนกลางที่เพิ่งสร้างเสร็จ ขณะที่การร่วมมือกับรัฐบาลในการทำท่อลำเลียงน้ำที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ก็จะเพิ่มได้อีก 80 ล้านลูกบาศก์เมตร น่าจะทำให้ยอดขายดีขึ้น
"เชื่อว่าในปีหน้าจะเติบโตอย่างมาก หลังจากที่เคลียร์บริษัทลูกที่มีผลขาดทุน และ Net profit ปีหน้าจะโต 30%...ที่ผ่านมาบริษัทลูกขาดทุนมาโดยตลอด หากไม่เบรกหรือเพิ่มทุนก็จะส่งผลกระทบและความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นได้ ถึงแม้ในช่วงต้นปี เราจะใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไปจาก 240 เป็น 480 ล้านบาท แต่ไม่เกิดประโยชน์เลยเลือกการปรับโครงสร้างหนี้แทน" นายประพันธ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--