หุ้น MINT บวก 3.42% มาอยู่ที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท เมื่อเวลา 10.05 น. โดยเปิดตลาดที่ 30.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 30.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 29.75 บาท
บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ในการขยายระยะเวลาการยกเว้นการทดสอบการดำรงอัตราส่วนทางการเงินไปจนถึงสิ้นปี 65 อีกทั้งบริษัทได้รับการอนุมัติในการไม่นับรวมผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์จากสถานการณ์โควิด-19 ในส่วนของผู้ถือหุ้นเพื่อการคำนวณอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวตามข้อกำหนดสิทธิไปจนถึงสิ้นปี 67
มาตรการดังกล่าวเป็นการวางแผนการบริหารจัดการฐานะทางการเงินเชิงรุกของบริษัทเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะสั้นนี้ก่อนการกระจายของวัคซีนโควิด-19
นายไบรอัน เจมส์ เดลานี่ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน กล่าวว่า การอนุมัติในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นกู้ที่มีต่อบริษัทและจะช่วยให้บริษัทมีฐานทางการเงินที่มั่นคงสำหรับการดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการฐานะทางการเงินและเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันในการจ่ายดอกเบี้ยและจ่ายคืนเงินต้นของผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง
บริษัทยังคงเน้นย้ำในการให้ความสำคัญต่อการรักษาสภาพคล่องและการบริหารจัดการฐานะทางการเงินผ่านมาตรการการลดค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด การลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนและกลยุทธ์การหมุนเวียนสินทรัพย์ต่อไป ณ สิ้นเดือน ม.ค.63 บริษัทมีเงินสดจำนวนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.เคทีบีเอสที แนะนำ "ซื้อ" หุ้น MINT ให้เป้า 36.00 บาท หลังจากได้รับการยกเว้นการนับหุ้นกู้ใน Debt covenant 2 ปี โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อการยกเว้นการนับหุ้นกู้ใน Debt covenant ถึง 2 ปี ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 1 ปีและการยกเว้นการด้อยค่าสินทรัพย์จากผลกระทบโควิด-19 อีก 4 ปี จะช่วยให้ผ่อนคลายเรื่องการติดเพดาน Net D/E ที่ 1.75x ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบัน
ขณะที่ใน Q3/63 MINT มีหุ้นกู้ราว 6 หมื่นล้านบาท และมี Net D/E อยู่ที่ 1.67x ซึ่งการได้รับการยกเว้น debt covenant ส่งผลให้หุ้นกู้ไม่เกิดการ default ถ้า D/E เกินที่กำหนด คาดว่าประเด็นนี้จะเป็น sentiment เชิงบวกกับราคาหุ้น และช่วยให้นักลงทุนมีความมั่นใจกับฐานะทางการเงินของ MINT มากขึ้น ขณะที่มีโอกาสการเพิ่มทุนน้อยลง
ทั้งนี้ ประเมินทุกๆ สินทรัพย์ 1% ที่ต้องตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ จะกระทบต่อกำไรสุทธิ 3.6 พันล้านบาท เทียบกับปี 64E ที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิที่ 1 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ดีรายการขาดทุนจากการด้อยค่าจะไม่ถูกนับรวมใน Debt covenant ทำให้ฐานะทางการเงินของ MINT ยังดูแข็งแรงอยู่ โดยใน Q3/63 มีเงินสดในมือสูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่ออีก 2.9 หมื่นล้านบาท